กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--บลจ. กสิกรไทย
บลจ. กสิกรไทย โชว์ผลงานส่งท้ายปลายปี AUM พุ่งทะลุ 9 แสนล้าน สำเร็จเป็นเจ้าแรกในธุรกิจ เผยกองทุนส่วนบุคคลเติบโตสูงแซงหน้าอุตสาหกรรม ด้านกองทุนรวมเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกองทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (Asset Under Management: AUM) ของ บลจ. กสิกรไทย ล่าสุด ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 901,967 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรายแรกที่สามารถเติบโตขึ้นเหนือระดับ 9 แสนล้านบาทได้สำเร็จ และเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2555 กว่า 51,000 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในทุกกลุ่มธุรกิจกองทุนได้อย่างต่อเนื่อง
“มูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 9 แสนล้านบาท ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท รวมทั้งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งในส่วนผู้ลงทุนบุคคลและโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงทุนสถาบัน ซึ่งให้การตอบรับกองทุนส่วนบุคคลของบริษัทเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลในปีนี้เติบโตขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมซึ่งเติบโตเพียง 9.6% เท่านั้น โดยปัจจุบันกองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20.8% ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20.5% และด้านธุรกิจกองทุนรวมมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23.7% โดยทั้ง 3 ธุรกิจกองทุน บลจ.กสิกรไทยยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง” นายจงรักกล่าว
นายจงรักกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2556 นี้ ถือเป็นผลงานที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่ได้ชะลอตัวลงมาตั้งแต่ต้นปี สวนทางกับความสำเร็จของบริษัท ซึ่งเป้าหมายสำคัญของเราคือยังคงขับเคลื่อนธุรกิจกองทุนให้มีการเติบโตยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยการพัฒนาทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ในส่วนของกองทุนรวม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยได้มีการเสนอขายกองทุนใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 188 กองทุน โดยกลุ่มกองทุนยอดนิยมที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสูงสุด คือ กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ซึ่งได้เปิดเสนอขายกองทุนใหม่เป็นประจำทุกสัปดาห์ และเป็นกลุ่มกองทุนหลักที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยปัจจุบันรวมเป็นมูลค่าเม็ดเงินกว่า 560,000 ล้านบาท ถือเป็นผู้นำตลาดในกองทุนรวมประเภทดังกล่าว ซึ่งกองทุนประเภท Term Fund เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ยังต้องการโอกาสรับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ สำหรับกลุ่มกองทุนอื่นๆที่ได้ทยอยออกมาในปีนี้ อาทิ กองทุน K-MPLUS ซึ่งเน้นลงทุนในตลาดเงิน ได้แก่ เงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวมต่างประเทศที่เน้นการลงทุนในหุ้นจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ได้แก่ กองทุน K-USXNDQ (ลงทุนในดัชนี NASDAQ100) กองทุน K-EUROPE (ลงทุนในหุ้นยุโรป)และ กองทุน K-ASIA (ลงทุนในหุ้นเอเชีย) นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ KPNPF และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร (ABPIF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure fund) ที่ได้เริ่มออกมาเป็นปีแรก โดยทั้ง 2 กองได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจของกองทุนรวมมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มและเติบโตขึ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายในสิ้นปี 2556 นี้ บลจ.กสิกรไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเพิ่มเติมอีก จากการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยมแฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) ที่กำลังเสนอขายในช่วงเดือน พ.ย.นี้ รวมไปถึงเม็ดเงินจากฤดูกาลขายกองทุนประหยัดภาษี LTF/RMF ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งบลจ.กสิกรไทยยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง