กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
- รายได้ขายและบริการรวม 16,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34
- ปริมาณขายเหล็กรวมสูงถึง 928 พันตัน สูงเป็นอันดับสอง
- ยอดขาย HRC เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 — ขายเหล็กแท่งแบนบุคคลภายนอกร้อยละ 46
- ไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิ (งบเดี่ยว) 260 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ (งบรวม) 2,902 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 40 จากไตรมาส 3/2555 เนื่องจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนและธุรกิจโรงถลุงเหล็ก
- งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ (งบเดี่ยว) 135 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ (งบรวม) 4,145 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 67 จากงวด 9 เดือนปี 2555
- ระดมทุนได้ 10,972.3 ล้านบาทและเพิ่มทุนให้ SSI UK 422.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำไปใช้สำหรับเพิ่มผลผลิตและลดฐานต้นทุน หนุนธุรกิจพลิกทำกำไร
- ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด — เล็งเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษตลาดไฮเอนด์ไตรมาส 4 และปี 2557
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2556 และผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2556 ดังนี้
ไตรมาส 3/2556
งบการเงินเฉพาะบริษัท - บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 12,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาส 2/2556 แต่ลดลงร้อยละ 6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขาย HRC 595 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากไตรมาส2/2556 มีผลขาดทุนสุทธิ 260 ล้านบาท ขาดทุนลดลงร้อยละ 45 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลจากการกลับรายการค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือ
งบการเงินรวม - บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 16,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากไตรมาส 2/2556 จากปริมาณขายเหล็กรวมสูงถึง 928 พันตัน โดยเป็นปริมาณขายของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปริมาณขายสู่ลูกค้าภายนอกของธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 46 มี EBITDA ติดลบ 1,337 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 2,902 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2556 พบว่าบริษัทฯและบริษัทย่อยขาดทุนเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนมีผลขาดทุนลดลง แต่ผลประกอบการธุรกิจโรงถลุงเหล็กปรับตัวลงมากจาก Slab Margin ที่ปรับตัวลดลง แต่หากเทียบกับไตรมาส 3/2555 จะพบว่าขาดทุนลดลงมาก จากผลประกอบการของทั้งธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนและธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังขาดทุนอยู่เนื่องจากการผลิตที่ยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก
งวด 9 เดือน ปี 2556
งบการเงินเฉพาะบริษัท - บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 36,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขาย HRC 1,709 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งผลจากความแน่นอนในการจัดหาวัตถุดิบของบริษัทฯ และมีกำไรสุทธิ 135 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นจากผลขาดทุนสุทธิ 1,232 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2555
งบการเงินรวม - บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 49,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปริมาณขายเหล็กรวม 2,448 พันตัน EBITDA ติดลบ 1,424 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 4,145 ล้านบาท
- ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อน บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 12,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากไตรมาส 2/2556 โดยมีปริมาณขาย HRC 595 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 จากไตรมาส2/2556 มียอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ (Premium Value Products) ร้อยละ 29 ของยอดขายรวม มีผลขาดทุนสุทธิ 260 ล้านบาท
- ธุรกิจโรงถลุงเหล็ก มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 11,174 ล้านบาท จากการขายเหล็กแท่งแบนรวมจำนวน 728 พันตัน โดยจำนวน 333 พันตัน หรือร้อยละ 46 เป็นการขายให้บุคคลภายนอก มีผลขาดทุนสุทธิ 2,821 ล้านบาท
- ธุรกิจท่าเรือน้ำลึก มีรายได้จากการให้บริการรวม 95 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณสินค้าผ่านท่าลดลง มีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท
- ธุรกิจวิศวกรรมและซ่อมบำรุง มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากไตรมาส 2/2556 เป็นรายได้นอกกลุ่มร้อยละ 48 และมีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท
- ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดเย็น มีรายได้จากการขายรวม 2,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสเอสไอกล่าวว่า “ในไตรมาส 3/2556 เราทำได้ดีในด้านการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของปริมาณขายเหล็กรวมที่กลับมาสู่ระดับ 928 พันตัน ซึ่งสูงเป็นอันดับสองที่เราเคยทำได้ ปริมาณการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนกลับมาสู่ระดับปกติ ปริมาณขายเหล็กแท่งแบนให้แก่บุคคลภายนอกสูงถึงร้อยละ 46 และประสบความสำเร็จในการเริ่มใช้งานเทคโนโลยี PCI เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/2556 เราได้รับผลกระทบจากส่วนต่างที่แคบลงระหว่างราคาขายและวัตถุดิบเนื่องจากตลาดเหล็กอยู่ในวัฏจักรขาลงในช่วงกลางปีที่ผ่านมาทำให้มีผลขาดทุน อีกปัจจัยลบหนึ่งก็คือแม้ว่าเทคโนโลยี PCI จะเริ่มใช้งานได้สำเร็จและเราเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้บ้างแล้ว แต่เราจำต้องหยุดผลิตไปหลายวันช่วงการทดสอบเดินเครื่องจักรทำให้เตาถลุงผลิตได้น้อยและต้นทุนการผลิตสูงกว่าที่ควรจะเป็นในช่วงดังกล่าว”
“ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดและปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นในหลายภูมิภาคของโลก จากนี้ไปเราคาดว่าจะเห็นส่วนต่างระหว่างราคาขายและวัตถุดิบที่ดีขึ้นทั้งเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแท่งแบนในไตรมาส 4/2556 อัตราการใช้ PCI และผลผลิตที่จะสูงขึ้นอีกในธุรกิจโรงถลุงเหล็กจะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการผลิตที่จะสูงขึ้นและต้นทุนที่จะลดลงมากขึ้น นอกจากนี้ มีลูกค้าระดับไฮเอนด์จำนวนมากขึ้นที่พอใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเรา และด้วยอุปสงค์ของเหล็กในประเทศญี่ปุ่นที่ตึงตัวขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เราคาดการณ์ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษจะเพิ่มสูงขึ้นในตลาดในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าในไตรมาส 4/2556 และดียิ่งขึ้นในปี 2557”
“ท้ายที่สุด ผมขอขอบคุณการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจของเราที่มีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจและวิสัยทัศน์ของเรา ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2556 เราสิ้นสุดโครงการระดมทุนโดยได้รับเงินรวม 10,972.3 ล้านบาท จากการขายหุ้นเพิ่มทุน 9,404.1 ล้านบาท และจากการขายสินทรัพย์ 1,568.2 ล้านบาท เราได้ลงทุนเพิ่มเติมใน SSI UK ธุรกิจโรงถลุงเหล็กของเราในอังกฤษ เป็นเงินรวม 422.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 895.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเงินทุนที่จำเป็นเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดฐานต้นทุนให้ต่ำลงซึ่งจะทำให้ธุรกิจนี้เริ่มพลิกมาทำกำไรได้” นายวินกล่าว