กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--
ซุปเปอร์สตาร์ เฉินอี้ซิ่น (Eason Chan) ไม่ทำให้ผิดหวัง จัดเต็มเพลงฮิตโชว์เสียงร้องคุณภาพ 2 ชั่วโมงกว่า พิสูจน์ King of Asian Pop ตัวจริง“EASON’S LIFE IN BANGKOK” Brought to you by AMC Live Group
คอนเสิร์ตซุปเปอร์สตาร์ฮ่องกง เฉินอี้ซิ่น หรือ Eason Chan เดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทย ในงาน “EASON’S LIFE IN BANGKOK” Brought to you by AMC Live Group ได้สิ้นสุดลงแล้ว ช่างสมกับตำแหน่ง King of Asian Pop ที่แฟนๆให้ตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าชมอย่างเนืองแน่นทั้ง 2 รอบ ซึ่งผู้จัด AMC Live Group จัดเต็มทั้งแสง สี เสียงไม่มีอั้น เมื่อวันที่ 8 และ 9 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยบรรยากาศภายในงานทั้ง 2 วันแฟนๆที่เข้าชมมีทั้งคนไทยเชื้อสายจีน คนจีนแท้ๆที่อยู่ในเมืองไทยและยังมีคนจีนที่มาจากฮ่องกง, มาเลเซีย,ไต้หวัน ,จีนแผ่นดินใหญ่ ,สิงคโปร์ ฯลฯ ก็บินตามมาดูไม่น้อย ซึ่งต่างก็บอกว่ารู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารอคอยเพราะอยากจะชมคอนเสิร์ตของนักร้องคุณภาพคนนี้มานาน.
และการเปิดฉากของคอนเสิร์ต อีสัน ก็มาในเสื้อสีเขียวอ่อนสะท้อนแสง ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าร่มสีเทาเข้มทั้งชุด ยืนปรากฏตัวต่อหน้าแฟนๆร่วมสองพันคน แล้วกล่าวคำทักทายด้วยคำว่า “สวัสดีครับ, Welcome to my Life, สบายดีมั้ย” เป็นภาษาไทยที่ชัดเวอร์ เพราะอีสันได้ตั้งใจที่จะฝึกมาใช้กับแฟนๆชาวไทยที่นี่โดยเฉพาะ แฟนคลับก็ส่งเสียงตอบรับเช่นกันพร้อมกับชูแท่งไฟสีเขียวสว่างไสวไปทั่วทั้งฮอลล์
จากนั้น อีสันขอเปิดฉากคอนเสิร์ต ด้วยเพลงเบาๆเคลิ้มๆ อย่าง One Thing A Day เนื้อหาของเพลงบอกว่าโลกใบนี้ไม่มีอะไรเกินความพยายาม ขอเพียงมุ่งมั่น ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ แฟนคลับก็เคลิ้มตาม พร้อมใจกันโบกสะบัดแท่งไฟสีเขียวกันอย่างพร้อมเพรียงสวยงามอร่ามไปทั่วทั้งฮอลล์ จากนั้นขอเพิ่มความคึกคักสดใสขึ้นมาอีกนิดกับ Flower World เป็นเพลงให้กำลังใจในยามที่มีทุกข์ ให้นึกถึงดอกไม้ที่กำลังจะเบ่งบาน พร้อมที่กลับมาสดใสได้อีกครั้ง เพลงนี้นอกจากจะเพลินหูแล้ว ยังมีแดนเซอร์สาวออกมารีวิวให้แฟนคลับได้เพลินตาอีกด้วย
ขยับแนวดนตรีหนักหน่วยขึ้นมาอีกนิดกับ That’s Just Life ที่เนื้อหาบอกให้ตามหาฝันตัวเองให้เจอ อย่าย่อท้อกับอุปสรรค อีสันร้องไปก็ยิ้มไปอย่างมีความสุข เพราะแฟนคลับช่วยกันร้องเพลงนี้ลั่นฮอลล์ ขนาดว่าหลังจบเพลงนี้ อีสันถึงกับต้องกล่าว “ขอบคุณครับ” เป็นภาษาไทยเลยทีเดียว หลังจากที่ซาวด์เช็คกับแฟนๆเรียบร้อย ก็มาต่อกันด้วยเพลง Perfect Life เป็นแนวดนตรีที่ฮึกเหิม เนื้อหาบอกให้ทำอะไรให้เต็มที่ แฟนๆก็พร้อมใจกันลุกขึ้นมาแดนซ์พร้อมกับโบกสะบัดแท่งไฟกันอย่างเมามันส์ จากนั้นมาโยกกันต่อในเพลง Train เนื้อหาที่เปรียบตัวเองเป็นเหมือนรถไฟ ที่รองรับคนหลายๆประเภทขึ้นมา
มาเข้าบรรยากาศซอฟท์ๆอีกครั้งด้วยเพลงที่ให้ต่อสู้กับอุปสรรคอย่าง Ages จากนั้นต่อด้วยเพลง Welcome to the Future ที่เปิดอินโทรด้วยอุปกรณ์สร้างเสียงที่แปลกๆและกลองหนังชุด ที่เล่นทำแฟนคลับอึ้งตะลึงงันกันไปพักใหญ่ แต่ที่ต้องสะดุดตาแฟนๆที่มาดูขึ้นไปอีก คืออีสันปรากฏตัวในชุดที่เหมือนกับแผ่นโปสเตอร์โปรโมตเด่ะ ดูอลังการงานสร้างจริงๆ
จากนั้นมาโยกกันต่อแบบยาวๆ 5 เพลงรวด เริ่มที่ Door , Wheel, Adult, PK, และ Hyperkinetic Disorder ที่แฟนคลับพร้อมใจกันลุกพรึ่บพรั่บโดยไม่ต้องมีใครเชื้อเชิญ โยกทั้งตัว โบกทั้งแท่งไฟ ส่วนอีสันก็เต้นอย่างเมามันส์ไปพร้อมกับแดนเซอร์ ซึ่งก็มีบางเพลงที่มีท่าเต้นง่ายๆ แฟนคลับก็ทำท่าตามอย่างสนุกสนาน เมื่อจบโชว์เบรคนี้ อีสัน รีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาอย่างรวดเร็วในชุดสีขาว-ดำ ติดด้วยดอกกุหลาบสีแดงใหญ่บนบ่าขวา เพื่อเข้าสู่บทเพลงช้าๆที่ฟังสบายๆอย่าง Stranger under my skin และ Photograph เป็นเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักและความทรงจำ...
สำหรับเบรคนี้ อีสันทั้งร้องทั้งเต้นรวดเดียวถึง 14 เพลง ก็เลยมีการขอพักเช็ดหน้าเช็ดตา พร้อมกับกล่าวขอบคุณแฟนๆด้วยภาษาอังกฤษปนไทยว่า “Thank you ครับ” แล้วยังถามแฟนๆเป็นภาษาไทยต่ออีกว่า “หล่อมั้ยครับ” “สบายดีมั้ยครับ” แฟนๆตอบกลับว่า “สบายดี” อีสันก็ตอบกลับไปอีกครั้งด้วยภาษาจีนปนไทยว่า “เซี่ย เซี่ย ครับ” แถมยังอธิบายคำว่า ‘ครับ’ ให้กับแฟนคลับชาวจีนได้รู้อีกด้วยว่าหมายความว่าไง พออธิบายเสร็จ อีสันก็หัวเราะเขินตัวเอง
หลังจากนั้นกลับเข้ามาสู่บทเพลงช้าๆอาทิเพลง Bricks, Foul, Backpack, Mount Fuji และ End และกลับมาคึกคักอีกสักนิดกับเพลง Afraid of Death ที่ได้แดนเซอร์ผีดิบออกมาขยับแข้งขยับขาได้อย่างน่ากลัว ส่วนอีสันก็ไม่เบา ออกมาในชุดสีฟ้าคราม สวมหมวกใหญ่ๆมีผ้าคลุมหมวกยาวลากพื้นออกมายักย้ายกับเหล่าผีดิบ ก่อนจะกลับเข้าโหมดเพลงช้าอีกครั้งซึ่งคัดมาแต่เพลงฮิตๆจึงมีเสียงร้องตามกระหึ้มเป็นช่วงๆ มีทั้งเพลง TPK, Maniac Dairy และ Sunset ซึ่งทำเอา อีสัน ถึงกับซ่อนยิ้มไว้ไม่อยู่ พร้อมเอ่ยปากว่า “ ผมขอขอบคุณทุกคน ผมหวังว่าวันนี้ทำให้ทุกคนมีความสุข” ก่อนที่จะเข้าสู่บทเพลง Today ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อขอบคุณแฟนๆของเขาโดยเฉพาะ และ ณ จุดจุดนี้ แฟนๆก็พร้อมใจกันลุกขึ้นพร้อมโบกสะบัดแท่งไฟพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง แล้วต่อด้วยเพลง My Happy Times ที่แฟนๆต่างขยับตัวตามอย่างสนุกสนานเข้ากับชื่อเพลงสุดๆ
เมื่อจบเพลง อีสันก็เปรยกับแฟนๆเป็นภาษากวางตุ้งว่า “ดีใจที่จังที่ได้ร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟัง” จากนั้นก็ถามแฟนๆกลับเป็นภาษาไทยว่า “ร้องเก่งมั้ยครับ” แฟนๆก็ตอบกลับว่า “เก่ง” อีสันทำหน้าทะเล้นๆแบบดีอกดีใจพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะประกาศว่า “เพลงต่อไป...เป็นเพลงสุดท้ายแล้วนะครับ ผมจะกลับฮ่องกงพรุ่งนี้แล้ว จะได้กลับบ้านไปกินข้าว” ด้วยท่าทางที่ทะเล้น น้ำเสียงเหมือนจะกลั่นแกล้งแฟนๆ แล้วก็เรียกเสียงกริ๊ดจากแฟนๆได้สำเร็จ จากนั้น อีสัน ได้บอกทุกคนในฮอลล์ว่า “ทุกๆเพลงที่เลือกมาก็คือเพลงที่มีความหมายสำหรับผม เป็นเรื่องที่ผมประสบพบเจอมา ฉะนั้นเพลงที่จะร้องต่อไปเป็นเพลงที่สำคัญ เพราะเป็นเพลงที่ผมเขียนเองเป็นสิบปีแล้วในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิตผม” ซึ่งเพลงนี้อีสัน มีการเล่นกีตาร์ประกอบเพลงด้วย เพลงนี้มีชื่อว่า Popular Song บทเพลงช้าๆในท่วงทำนองที่หนักหน่วง เมื่อจบเพลงก็โบกมือลาลงจากเวทีไป
มีหรือที่แฟนๆจะให้กลับไปง่ายๆ จึงร้องเรียก อีสัน อีสัน อีสัน อย่างต่อเนื่องเสียงลั่นสนั่นฮอลล์.. แล้ว.อีสัน ก็กลับขึ้นมาเวทีอีกครั้งด้วยชุดสีเสื้อยืดที่หน้าอกเขียนว่า “ Life” กับกางเกงวอร์ม จากนั้นก็จัดอังกอร์ให้ 3 เพลงรวด เริ่มจากเพลง King of Karaoke ในเวอร์ชั่นจีนกลาง, Ten Years เป็นเพลงที่เกี่ยวกับคู่รักที่ไม่สมหวัง แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้เสมอ และปิดท้ายด้วยเพลงเร็วๆสนุกอย่าง Trap ที่เนื้อหากล่าวถึงคู่รักที่ชอบทะเลาะกัน... เธอไม่ยอม... ฉันก็ไม่ยอม... ประมาณเพลงคู่กัดของพี่เบิร์ด-ธงไชยนั่นแหละ
การแสดงคอนเสิร์ตสองชั่วโมงกว่าที่จบลงพร้อมกับเสียงคำชมว่า ประทับใจในเสียงร้องทรงพลังและไพเราะของซุปเปอร์สตาร์ฮ่องกง เฉินอี้ซิ่น หรือ Easan Chan มาก สมกับฉายา “ King of Asian Pop” จริงๆ อีกทั้งแสงสีก็จัดเต็มสวยตระการตา ต่างรู้สึกคุ้มค่าสุดๆ งานนี้ต้องขอขอบคุณผู้จัด AMC Live Group ที่ทำให้เกิดคอนเสิร์ตดีๆมีคุณภาพแถมสร้างความทรงจำให้กับทั้งศิลปินฮ่องกงและคนไทยได้ประทับใจกันไป