กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--IR network
“บมจ. เอส พี วี ไอ” ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ประกาศแต่งตั้ง “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจำหน่ายหุ้นไอพีโอจำนวน 110 ล้านหุ้น เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้ “ไตรสรณ์ วรญาณโกศล” หัวเรือใหญ่เผยหลังระดมทุน พร้อมลุยธุรกิจเต็มสูบ ทั้งเปิดสาขา ศูนย์บริการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับธุรกิจหลักตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Apple ชี้ธุรกิจอนาคตสดใสสินค้ามีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม มั่นใจลงทุนตอบรับหนาแน่น
นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทดำเนินธุรกิจหลัก เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ เพื่อใช้งานร่วมกับสินค้า Apple เป็นหลัก ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เพื่อ ระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดย “เอส พี วี ไอ” มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
“การตัดสินใจระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งของบริษัท ที่จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจมีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งกว่าที่เป็นมาบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ”นายไตรสรณ์ กล่าวในที่สุด
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เอส พี วี ไอ กล่าวว่าขอขอบคุณ บมจ.เอส พี วี ไอ ที่วางใจเลือกให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจำหน่ายหุ้นไอพีโอ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ ซึ่งบมจ.เอส พี วี ไอ เป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของ Apple ตัวสินค้ามีคุณภาพ มีลูกค้าที่มีความเป็น Brand Royalty สูง มีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายและอยู่ในทำเลที่เหมาะสม รวมถึงมีการบริหารจัดการด้านสินค้าคงคลังที่ดี จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมากและในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้ภายในปี 2556
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์และบริการหลักของ “เอส พี วี ไอ” แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ (1)ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก Apple South Asia (Thailand) Limited ให้เป็นตัวแทนจําหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทคอมพิวเตอรร์ MAC OS ประกอบด้วย 1. คอมพิวเตอร์ไอแมค (iMac) แมคโปร (Mac Pro) แมคมินิ (Mac Mini), คอมพิวเตอร์แบบพกพาทั้ง แมคบุ๊คโปร (MacBook Pro) และ แมคบุ๊คแอร์ (MacBook Air) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภท iOS (iOS Devices) ประกอบด้วยไอแพด (iPad) ไอพอด (iPod) ไอโฟน (iPhone) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์เสริมภายใต้ตราสินค้า Apple เช่น ที่ชาร์จแบตเตอรี่ หูฟัง สายพ่วง เครื่องส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต AirPort Extreme แผนความคุ้มครอง AppleCare เป็นต้น
2. ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นเพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบเช่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์เสริม (Accessories) ได้แก่ฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลสําหรับงานวีดีโอ ฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลแบบพกพา หูฟัง Case ป้องกันการกระแทก ฟิล์มกันรอย ลําโพง แบตเตอรี่สํารองแบบพกพา และที่ชาร์จแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทกราฟฟิก อาทิ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหน้ากว้าง กระดาษสําหรับงานพิมพ์และ อุปกรณ์วัดคุณภาพการพิมพ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทซอฟต์แวร์ ได้แก่ Adobe และ EFI และยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทคอมพิวเตอร์ได้แก่คอมพิวเตอร์ของบริษัทเดลล์ เพื่อเป็นทางเลือกเสริมสําหรับลูกค้าองค์กรที่ต้องการสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์ภายใต้ตราสินค้าอื่น และ 3. งานบริการ ซึ่ง “เอส พี วี ไอ” ได้รับการแต่งตั้งเป็น Apple Authorized Service Provider ทําให้สามารถเปิดศูนย์บริการ สําหรับสินค้า Apple ภายใต้ชื่อ Smart Bar รวมทั้งเปิดศูนย์ฝึกอบรมการใช้งานให้แก่ลูกค้าและองค์กร ตามมาตรฐาน Apple นอกจากนี้ SPVI ยังได้รับการแต่งตั้งเป็น Authorized Apple Training Center แห่งเดียวในประเทศไทย
ปัจจุบัน “เอส พี วี ไอ” มีสาขาทั้งหมดจํานวน 17 สาขา โดยแบ่งได้เป็น iStudio จํานวน 6 สาขา iShop จํานวน 1 สาขา iBeat จํานวน 1 สาขา U-Store จํานวน 9 สาขา และศูนยบริการ Smart Bar จํานวน 3 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดจำหน่ายสินค้า Apple ใน IT City และ Big C จํานวน 54 แห่ง ทั่วประเทศ โดยตั้งอยู่ที่ IT City จํานวน 28 สาขา และที่ Big C จํานวน 26 สาขา จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของ Apple และสินค้าของ บริษัทอื่นๆที่เป็นตัวแทนจำหน่าย
บมจ.เอส พี วี ไอ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปรวมจำนวนทั้งสิ้น 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.50 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปใช้ในการขยายสาขาและศูนย์บริการ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำหรับผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของ บมจ.เอส พี วี ไอ ในช่วง ปี 2554 - 2555 มีรายได้รวมประมาณ 2,219 ล้านบาท และ 2,520 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 57.49 ล้านบาท และ 44.85 ล้านบาท ตามลำดับ