กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. บางกอกกล๊าส เตรียมขายหุ้นสามัญ 241.4 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการก่อสร้างและพัฒนาโรงงานแห่งใหม่ รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน คาดพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2557 นี้ ด้าน บมจ.หลักทรัพย์ กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ชูศักยภาพบริษัทโดดเด่น มั่นใจนักลงทุนให้ความสนใจ
คุณปวิณ ภิรมย์ภักดี กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน)หรือ BG ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และระดับชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟล์ลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 241,400,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 4,827ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3,620 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอได้ภายในปี 2557 และคาดว่าหุ้นของบริษัทฯ จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในช่วงเดียวกันสำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำไปดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วแห่งใหม่ในจังหวัดราชบุรี รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการขยายงานของบริษัทฯ ในอนาคต
กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และมีการประกอบธุรกิจแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์แก้ว 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น และ 3.กลุ่มธุรกิจอื่น ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วเป็นหลัก โดยผลิตและจำหน่ายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และอุตสาหกรรมอาหารและยา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์หลากหลายประเภทสำหรับจำหน่ายในตลาดบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น ฝาพลาสติก ฝาจีบ ลังพลาสติก ขวดพลาสติก PET และกล่องลูกฟูก และบริษัทฯ ยังมีการประกอบธุรกิจในด้านอื่นๆ ได้แก่ สโมสรฟุตบอล เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ
“เราเป็นผู้นำทางด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอยู่ในระดับชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชีย จากจุดเริ่มต้นของกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วเพียง 150 ตันต่อวัน ณ วันนี้เราพัฒนากำลังการผลิตขึ้นมาสูงถึง 3,635 ตันต่อวันและไม่เพียงแต่บรรจุภัณฑ์แก้วเท่านั้นที่เรามุ่งเน้นพัฒนา แต่มีความสามารถในการผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ด้วย ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เติบโตในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง”กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 11,969.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 493.1 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,807.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 447.4 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 1024.72% จากงวดเดียวกันของปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 39.8 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น รวมถึงเตาหลอมแก้วที่ 2 ของอยุธยากล๊าส อินดัสทรี เริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2555
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG ถือเป็นผู้นำในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ครบวงจร และถือเป็นรายใหญ่อันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชีย มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพทางการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต และมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน