กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai 18 ราย มั่นใจว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันไม่น่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในอนาคต พร้อมเตรียมคุมเข้มบริหารจัดการต้นทุนให้รัดกุมยิ่งขึ้น คาดราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จะส่งผลต่อต้นทุนเฉพาะด้านการผลิต ในส่วนที่เกี่ยวกับวัตถุดิบและค่าขนส่ง
นายวิเชฐ ตันติวานิช กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ mai เปิดเผยว่า mai ได้ออกแบบสอบถามเพื่อสำรวจข้อมูลจาก 18 ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เรื่อง “ผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันต่อกิจการของบริษัท” โดยมีผู้ประกอบการในภาคการผลิต 8 บริษัท และภาคบริการ 10 บริษัท
“จากการสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบของการขึ้นราคาน้ำมันต่อความคาดหมายผลประกอบการนั้น กว่าครึ่งของผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีความเห็นตรงกันว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเพียงแค่ 2 บริษัทที่คาดว่าผลประกอบการอาจจะปรับตัวลดลง ส่วนผู้บริหารบริษัทในภาคบริการส่วนใหญ่คิดว่าการขึ้นราคาน้ำมันจะไม่เปลี่ยนแปลงความคาดหมายของผลประกอบการบริษัท” นายวิเชฐกล่าว
อย่างไรก็ดี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะน้ำมันแพง ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ทุกรายเห็นตรงกันว่า บริษัทจะควบคุมและบริหารจัดการต้นทุนให้รัดกุมยิ่งขึ้น
ทั้งนี้จากตัวเลขผู้ประกอบการในภาคการผลิตทั้งหมด 8 ราย มี 6 รายมองว่า วัตถุดิบซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตหลักอาจจะปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 2-3 ส่วนต้นทุนค่าขนส่งนั้น ผู้ประกอบการต่างเห็นตรงกันว่าการขึ้นราคาน้ำมันน่าจะมีผลกระทบสูงสุดไม่เกินร้อยละ 5 โดยส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าน่าจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย คือแค่ร้อยละ 2 เท่านั้น
ด้าน 10 ผู้ประกอบการภาคบริการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นั้น มีเพียง 2 บริษัทที่คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบประมาณร้อยละ 8-10 ทั้งนี้ 5 ผู้ประกอบการคาดว่าต้นทุนค่าขนส่งน่าจะสูงขึ้นประมาณร้อยละ 5-10
“อย่างไรก็ตามครึ่งหนึ่งของผู้ประกอบการภาคบริการ มีความเห็นตรงกันว่าราคาน้ำมันน่าจะมีผลกระทบน้อยมากต่อต้นทุนของบริษัท ถ้าหากจะมีก็น่าจะเป็นผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากการปรับราคาต้นทุนขายของซัพพลายเออร์” นายวิเชฐกล่าวสรุป
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ mai มีบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 23 บริษัท มีผลการดำเนินงานปี 2547 กำไรสุทธิรวมกันกว่า 1,035 ล้านบาท กำไรเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งตลาดร้อยละ 29 ทำยอดขายรวมกันกว่า 14,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 11,192 ล้านบาทในปี 2546 คิดเป็นยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งตลาดถึงร้อยละ 30
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร :
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229—2036 /
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 —2037 /
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-222 2049/
วรรษมน เสาวคธนธ์เสถียร โทร. 0-2229 — 2797--จบ--