กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ช.การช่าง
จากผลประกอบการ 9 เดือน ของปี 2556 บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวม 33,986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.46% มีกำไรสุทธิ 7,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2101.00% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่ารายได้ทั้งปีจะมากกว่า 40,0000 ล้านบาท โดยมี backlog ในมืออีกกว่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้จากงานก่อสร้างให้บริษัทปีละกว่า 30,000 ล้านบาท ตลอด 4-5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ยังไม่รวมงานใหม่อื่นๆ และงานที่รอเซ็นสัญญาอีกสองโครงการ คือโรงไฟฟ้าบางประอิน เฟส 2 และโครงการเขื่อนน้ำบาก มูลค่ามากกว่า 20,000ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำเห็นตรงกันว่า ช.การช่างมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นไปอีก จากปัจจัยสำคัญคือ 1) รายได้และกำไรที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง 2) มี Backlog ในมือสูงถึง 1.2 แสนล้าน และสามารถลงทุนพัฒนาโครงการได้ด้วยตนเอง ทำให้ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในงานประมูลต่างๆของภาครัฐน้อยมาก 3) การเพิ่มทุนของช.การช่าง ใน BMCL ถือเป็นการลงทุนในบริษัทที่มีอนาคตสดใสและกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากรายได้พิเศษต่างๆจากการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม จึงแนะนำให้"ซื้อ"หุ้นช.การช่าง
บทวิเคราะห์ บล.หลักทรัพย์ ทิสโก้ ระบุว่ามองการดำเนินงานของ CK ดีขึ้นเนื่องจากอัตราภาษีสุทธิที่ลดลงและการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์จากงานโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยหนุนงานในมือและผลประกอบการของ CK และมีงานในมือกว่า 1.18 แสนล้านบาท รวมถึงมีงานรอเซ็นสัญญา 2.17 หมื่นล้านบาท รวม 1.45 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.9 เท่าของผลประกอบการปี 2556 และเรามองว่าแม้โครงการ 2.2 ล้านล้านบาท จะประสบความล่าช้า แต่การดำเนินงานของCK จะไม่กระทบ เนื่องจากมีงานในมือหลายโครงการ แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 34บาท
บทวิเคราะห์ บล.หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ระบุว่ายอด Backlog ในมือยังสูงราว 1 แสนล้านบาท โดยเป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี 6 หมื่นล้านบาท ทางด่วนพิเศษศรีรัช ส่วน B 2.2หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีฟ้า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตให้กับบริษัทในอีก 3-4 ปี หนุนกำไรต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30.60บาท
บทวิเคราะห์ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาศ 3/56 กำไรสุทธิไตรมาส 3/56 มีจำนวน 938 ล้านบาท หรือ 0.57 บาท/หุ้น สูงกว่าประมาณการของเราที่ 480 ล้านบาทอย่างมาก ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปี 56 กำไรสุทธิมีจำนวน 7.3 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 100% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2556 ของเรา เรายังคงคำแนะนำให้ “ซื้อ” CK ราคาเป้าหมาย 30 บาท
ในส่วนของบริษัทหลักทรัพอื่นๆได้แนะนำให้ “ซื้อ” CK เช่นกัน อาทิ บล. โกลเบล็ก ราคาเป้าหมายที่ 28.00 บาท บล. กรุงศรีอยุธยา ราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท บล. เมย์แบงค์ กิมเอ็ง ราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท บล. ธนชาติ ราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท เป็นต้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.ทิสโก้ ซื้อ 34.00
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 30.60
บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 30.00
บล.ซีไอเอ็มบี Outperform 30.00
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 28.00
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 27.00
บล. เมย์แบงค์ กิมเอ็ง ซื้อ 27.00
บล.ธนชาติ ซื้อ 27.00