สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 9.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 20, 2013 10:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,283 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,276 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.55 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,000 บาท กับ 19,100 บาท และกลับมาปิดที่ 19,000 บาท กับ 19,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 455 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 1,826 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 4.8% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 6% GFZ13 ปิด 19,210 บาท และ GFG13 ปิด 19,270 บาท GF10Z13 ปิดที่ 19,210 บาท GF10G13 ปิดที่ 19,300 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,273.5 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 2.3 เซ็นต์ ที่ระดับ 20.334 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 863.01 ตัน (ขายออก 1.5 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ลดลง 8.99 จุด ปิดที่ 15,967.03 จุด ข่าวที่สำคัญ ทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากแรง Short Covering ซึ่งยังคงเงียบเหงาจากการรอคอยผลรายงานประชุม FOMC ที่จะมีการรายงานออกมาในวันพุธช่วงบ่ายซึ่งก็ตรงกับวันพฤหัสบดีตีสองตามเวลาประเทศไทย รายงานคิทโก้ระบุว่านักลงทุนทองคำเฝ้าจับตาดูเฟดเป็นพิเศษในเรื่องการตัดสินใจในการลดQE ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไรจึงส่งผลให้ตลาดนั้นมีการซื้อขายที่เบาบางก่อนได้รับการส่งสัญญาณจากเฟดและตัวเลขเศรษฐกิจ รายงานรอยเตอร์กล่าวว่าตลาดทองคำเมื่อวานนี้เบาบางเพราะในเวลาขาดข่าวข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะมากระทบตลาด SPDR ลดการถือครองทองคำลงเป็นวันที่ 2 แล้ว โดยขายออก 1.5 ตัน ปัจจุบันคงทองอยู่ที่ระดับ 863.01 ตัน แรงความต้องการทองคำทั้งจีนและอินเดียในเวลานี้ปรับตัวลดลงจาก กฎหมายการนำเข้าทองคำที่เข้มงวดและระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากแฝงมาด้วยยา เสพย์ติดและอาวุธปืน การรายงานผลการประชุม FOMC ที่จะมีขึ้นในคืนนี้ ช่วงเวลาประมาณตี 2 บ้านเรา คาดว่า จะเป็นการประเมินสัญญาณทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายการเงินในอนาคตของเฟด เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดคนปัจจุบันได้กล่าวว่า จะยังคงผ่อนปรนมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินไปก่อนจนกว่าตลาดแรงงานนั้นจะดีขึ้นซึ่งระดับอัตราว่างงานควรอยู่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ชาร์ลี อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ได้กล่าวเฟดนั้นจะรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจไปจนถึงปีหน้าที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเดือนมีนาคมปีหน้าเลยทีเดียวก่อนที่จะเริ่มมาตรการลดQE อย่างจริงจัง ในขณะที่การแถลงการณ์ของ 2 สมาชิกเฟดเมื่อคืนนี้ ชี้ให้เห็นการชะลอ QE โดยนายชาร์ล พลอสเซอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย กล่าวว่า เฟดควรยุติ QE หรือโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้วยวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เนื่องจากเฟดควรกำหนดจำนวนที่ชัดเจนสำหรับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรมากกว่าจะ ปรับสัดส่วนการซื้อที่อิงจากการประเมินตัวแปรทางเศรษฐกิจในแต่ละเดือน และควรที่จะยุติโครงการเมื่อมีการเข้าซื้อครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ นอกจากนี้นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในมุมมองเชิงบวก และคาดว่าเศรษฐกิจจะสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในอีก 2 ปีข้างหน้า ชี้ให้เห็นว่าเขาอาจสนับสนุนให้มีการชะลอ QE สำหรับข่าว German Zew ได้มีการคาดการณ์เรื่องเศรษฐกิจซึ่งแตะตัวที่ระดับสูงในรอบ 4ปี โดยทะยานตัวขึ้นมา 54.6 จุดในเดือนพฤศจิกายนจากระดับ 52.8จุดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะเป็นไปในทิศทางบวกแต่ก็ไม่ได้มีผลต่อตลาดการเงินยุโรปเท่าใดซึ่งโดยภาพรวมนั้นตลาดลงทุนนั้นยังคงอ่อนแอ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานของสหรัฐฯในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2556 ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 1.9% จากเดิม 0.5% ในไตรมาสก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากค่าแรงในสหรัฐฯยังอยู่ในระดับต่ำ อาจส่งผลให้เฟดเดินหน้าใช้ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อได้ อย่างไรก็ดี ต้นทุนการจ้างงานจะมีความเชื่อมโยงกับเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด โดยเฟดจับตาดูอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากค่าแรง เพราะกังวลว่าหากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลต่อการใช้ QEได้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวผันผวน โดยนักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการใช้ QEอย่างใกล้ชิด OECD ได้คาดการณ์จากประเทศสมาชิก 34 ประเทศในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยคาดว่า ระดับ 1.2% สำหรับปี 2013 , 2.3% สำหรับปี 2014 และ 2.7% สำหรับปี 2015 ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า มาตรการปฏิรูปต่างๆของจีน อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานของรัฐบาลระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคของประเทศได้ ซึ่งหากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ระบบการคลังโปร่งใส และบริหารจัดการงบประมาณโดยรวมได้อย่างดี ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลง เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนมีความระมัดระวังการซื้อขาย โดยจับตาไปที่การประชุม FOMC และการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในการดำเนินนโยบายการเงิน ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดบวกในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยนเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและดอลลาร์ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. ว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง หรือไม่ซึ่ง เปิดเผยว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะแถลงอภิปรายด้วยวาจา และลงมติเพื่อให้ได้เสียงข้างมากในการทำคำวินิจฉัย จากนั้นจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ในเวลา 11.00 น. ด้านปัญหาการเมืองไทย นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่ม คปท. กล่าวให้ผู้ชุมนุมเตรียมตัวเคลื่อนไหว เพื่อขับไล่รัฐบาลวันศุกร์นี้ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ -Core CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.1 % -Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.1% -Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.1% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.1 % -CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.2% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.0% -Existing Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 5.29M ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 5.17 M ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ แม้ว่าถ้อยแถลงของสมาชิก FOMC จะออกมาพูดถึง QE อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ราคาทองคำก็ตอบสนองน้อยมากจึงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,270 — 1,280 เหรียญเท่านั้น โดยที่เมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขฯ ในขณะที่เมื่อเช้านี้ นายเบน เบอนันเก ก็ยังคงพูดในเชิงการคง QE และโดยภาพรวมในวันนี้ราคาทองคำน่าจะรอการแถลงผลการประชุม FOMC ที่จะมีขึ้นในคืนนี้ วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำในระยะสั้นยังคงเคลื่อนไหวในแบบ Sideways ดูจะค่อนไปทาง Sideway Down โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,268 — 1,280 เหรียญ ถ้าหลุดบริเวณ 1,268 เหรียญที่เป็น Low เดิม ก็คาดว่าราคาอาจจะดิ่งลงได้อย่างรวดเร็วไปสู่ระดับ 1,250 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวรับถัดไป กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์ในเชิง Sideway Down ยังคงแนะนำให้เปิด Short เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น แล้วค่อยเข้าซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวลง -นักลงทุนที่ถือ Long Position แนะนำให้ปิดสถานะ Long Position -นักลงทุนที่ถือ Short Position แนะนำให้ทำกำไรเป็นช่วงๆ เป็นแบบระยะสั้น และเปิด Short Position เพิ่มเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้น Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,160 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,360 บาท Gold Futures G14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,220 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,420 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ