กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ร่วมกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ผลักดัน “Bond Supermart”เพื่อให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าถึงตลาดรองหุ้นกู้ได้ง่ายขึ้นและมีข้อมูลเพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ร่วมกันพัฒนา “Bond Supermart” เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลหุ้นกู้เอกชนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยซึ่งรวมข้อมูลและราคาหุ้นกู้ที่มีสภาพคล่องในตลาดรองมาไว้ในที่เดียวกัน รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานของหุ้นกู้และช่องทางการติดต่อผู้ค้าตราสารหนี้ และเครื่องมือช่วยคำนวณราคาและผลตอบแทนของหุ้นกู้ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการซื้อขายกับผู้ค้าตราสารหนี้ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเปรียบเทียบอื่น เช่น อัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น โดยผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง “Bond Supermart” ได้โดยสะดวกถึง 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย www.thaibma.or.th และ www.thaibond.com เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. www.sec.or.th และ www.start-to-invest.com และ Mobile Application “start-to-invest” ของ ก.ล.ต.
ในระยะแรก “Bond Supermart” จะแสดงข้อมูลหุ้นกู้ที่มีสภาพคล่อง ไม่ซับซ้อน มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) จำนวน 20 หุ้นกู้ ซึ่งสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยจะทบทวนทุกไตรมาส และในอนาคตจะเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นอีกตามความสนใจของผู้ลงทุน พร้อมกันนี้ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยจะสนับสนุนให้ผู้ลงทุนทราบและใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เผยแพร่ใน“Bond Supermart” เพื่อการบริหารเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “Bond Supermart” เป็นหนึ่งในโครงการที่ ก.ล.ต.ริเริ่มและร่วมมือกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยพัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้ลงทุนใช้ประโยชน์จากสินค้าในตลาดทุนมากขึ้น โดย “Bond Supermart” จะช่วยให้ผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ลงทุนหลักในหุ้นกู้เอกชน สามารถเข้าถึงข้อมูลและราคาหุ้นกู้ได้โดยสะดวก ณ จุดเดียว ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมช่องทางการติดต่อซื้อขาย เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารเงินและจัดสรรเงินลงทุนในทรัพย์สินที่มีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน นอกจากนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ลงทุนทั่วไปเกิดความสนใจและมีความเข้าใจการลงทุนในหุ้นกู้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันผู้ลงทุนส่วนใหญ่สนใจการลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่า ดังนั้นจึงยังต้องการความร่วมมือจากหน่วยงานและผู้ร่วมตลาดอีกหลายส่วนที่จะยกระดับการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยในภาพใหญ่ต่อไป
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า “Bond Supermart”จะทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยมีข้อมูลพื้นฐานของหุ้นกู้ซึ่งจำเป็นในการตัดสินใจซื้อขายในตลาดรอง ช่วยให้สามารถบริหารเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่จำเป็นต้องรอลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกใหม่ หรือต้องถือครองหุ้นกู้ไปจนครบอายุเท่านั้น เพราะผู้ลงทุนสามารถเข้ามาซื้อขายเพื่อการลงทุนในตลาดรอง หรือขายเมื่อมีความจำเป็นทางการเงิน โดยในปัจจุบันมีผู้ค้าตราสารหนี้ที่ทำข้อตกลงกับสมาคมฯ จำนวน 14 ราย ที่พร้อมให้บริการซื้อขายกับผู้ลงทุนรายย่อยอยู่แล้ว และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ค้าตราสารหนี้รายอื่น ๆ ในการเข้าร่วมโครงการ “Bond Supermart” ในอนาคต
นายมงคล ลีลาธรรม นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า หุ้นกู้เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน แต่ยังได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนรายย่อยไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายในตลาดรอง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้ลงทุนที่เคยชินกับการถือครองไว้จนครบอายุตราสาร หรือเพราะความไม่สะดวกในการเข้าถึงข้อมูล หรือยังขาดความรู้ความเข้าใจในหุ้นกู้ที่ดีพอ จึงเชื่อว่า “Bond Supermart” ที่พัฒนาขึ้นนี้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ลงทุนรายย่อยสนใจซื้อหรือขายหุ้นกู้ในตลาดรองเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ที่ลงทุนในตลาดแรกอยู่แล้ว และประชาชนที่สนใจเข้ามาลงทุนในตลาดรองในจังหวะที่เหมาะสม