สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปประจำสัปดาห์ที่ 18- 22พ.ย. 56 และแนวโน้มสัปดาห์ที่ 25 - 29พ.ย.56

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 25, 2013 17:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ปตท. ฝ่ายกลยุทธ์และแผนธุรกิจ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สรุปรายงานสถานการณ์น้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent)เพิ่มขึ้น 1.70เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 108.92เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 0.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 94.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) เพิ่มขึ้น1.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่106.13เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น1.34เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 116.03เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 1.90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 123.03เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก - เกิดเหตุระเบิดที่โรงกลั่นของ Total ที่ Antwep (350,000 บาร์เรลต่อวัน) ประเทศเบลเยียมซึ่งเป็นโรงกลั่นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของสหภาพยุโรปส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทั้งนี้โรงกลั่น Motiva ซึ่งมีกำลังการกลั่น 600,000 บาร์เรลต่อวัน ในสหรัฐฯ ปิดดำเนินการซ่อมบำรุง ส่งผลให้ปริมาณสำรองของน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวลดลงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. 56 ปรับตัวลดลง 21,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 323,000 ราย ปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ - นาง Janet Yellenว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณคงมาตรการผ่อนปรนเชิงปริมาณด้วยการ เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน โดยให้ความเห็นว่าไม่ควรลดเม็ดเงินอัดฉีดก่อนเวลาอันควร เพราะสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันชะลอตัวและเครื่องมือทางการเงินที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเหลือน้อย - Market Economics รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเบื้องต้นสหรัฐฯ (Preliminary Manufacturing Purchasing Managers’ Index) เดือน พ.ย. 56 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 54.3 จุด สูงสุดในรอบ 8 เดือน ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ - ผู้แทนของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียกล่าวว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศจะกลับมาอยู่ที่ 250,000 บาร์เรลในวันที่ 22 พ.ย. 56 หลังจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Feel (130,000 บาร์เรลต่อวัน) สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เต็มกำลัง - Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลก (GDP) ในปี 56 และปี 57 ลง 0.4% จากการคาดการณ์ในเดือน พ.ค.56 (ครั้งล่าสุด) มาอยู่ที่ระดับ 2.7% จากปีก่อนหน้าและ 3.6% จากปีก่อนหน้าตามลำดับ - EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. 56 เพิ่มขึ้น 375,000 บาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 388.5 ล้านบาร์เรลเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน นอกจากนี้ อัตราการกลั่นปรับลด 0.1% จากสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 88.6% แนวโน้มราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนต่างกังวลต่อการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศ P5+1 และอิหร่านเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช่วงวันที่ 21-22 พ.ย. 56 ซึ่งไม่มีความคืบหน้ามากนัก ด้าน CFTC รายงานผู้จัดการกองทุนปรับเพิ่มสถานะการซื้อสุทธิสัญญาน้ำมันดิบ WTI (Net Long Position) ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า Nymexและ ICE สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 พ.ย. 56 ขึ้น 19,486 สัญญาจากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 290,564 สัญญา อย่างไรก็ตามกลุ่มประเทศ P5+1 และอิหร่านได้ดำเนินการเจรจาต่อเนื่องเป็นเวลาอีก 2 วันในช่วงวันที่ 23-24 พ.ย. 56 และสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน โดยอิหร่านสามารถทำการค้าได้มูลค่าประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ในข้อตกลงอิหร่านยินยอมที่จะเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมไม่เกินกว่าระดับ 5% และลดปริมาณเก็บสำรองแร่ยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์เกินกว่าระดับ 5% โดยการเปลี่ยนสถานะเป็นรูปแบบอื่น (Oxide form) ที่ไม่สามารถนำมาพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้ พร้อมทั้งหยุดเพิ่มอุปกรณ์เสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมใหม่ทั้งหมด ด้านกลุ่มประเทศ P5+1 รับรองว่าจะไม่มีมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออิหร่านในช่วง 6 เดือนนี้ และจะมีการพูดคุยเพื่อบรรลุข้อตกลงแบบเป็นรูปธรรม ทั้งนี้รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านนาย Mohammad JavadZarifกล่าวว่าอิหร่านจะต้องได้รับสิทธิ์ในการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมสำหรับการใช้ในโรงผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ด้านนาย Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลแสดงความไม่พอใจและกล่าวว่าการบรรลุข้อตกลงของกลุ่ม P5+1 และอิหร่านเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงในประวัติศาสตร์ และไม่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว นอกจากนั้นกลุ่ม Kurdistan จะเริ่มเปิดท่อส่งออกน้ำมันดิบซึ่งมีกำลังขนส่งอยู่ที่ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จะสามารถดำเนินการส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในเขตปกครองพิเศษ Kurdistan ทางตอนเหนือของอิรักสู่ประเทศตุรกีในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบ Brent ,WTIและ Dubaiเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 105.37 - 109.45เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล, 92.39 - 95.32เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลและ103.29 - 107.37เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลตามลำดับ สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นตลาดในเอเชียได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากผลของบริษัท Motiva ปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น Port Arthur (600,000บาร์เรลต่อวัน) ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อีกทั้งด้านยุโรปบริษัท Total ปิดโรงกลั่น Antwerp (350,000บาร์เรลต่อวัน) ภายหลังเกิดเหตุระเบิด อีกทั้งท่อขนส่งน้ำมันดิบของจีนจากท่าเรือ Qingdao สู่กลุ่มโรงกลั่นระเบิด ทั้งนี้จีนเป็นผู้ส่งออก Gasoline รายใหญ่ในภูมิภาค และคาดว่าเหตุการณ์ท่อขนส่งน้ำมันดิบระเบิดจะส่งผลต่อปริมาณการส่งออก ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 113.54 -117.62เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสำรองMiddle Distillatesเชิงพาณิชย์ของสิงคโปร์ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนกอปรกับปริมาณสำรองน้ำมัน Gas Oil เชิงพาณิชย์ยุโรปที่ Amsterdam-Rotterdam-Antwerp (ARA) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ย. 56 ลดลง 5.4% WoWอยู่ที่ระดับ 1.73 ล้านตัน (13 ล้านบาร์เรล) ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551บ่งชี้ปริมาณอุปทานในตลาดตึงตัว ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 121.04 — 125.12เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ