บลจ.บีทีสบโอกาสตลาดหุ้นต่ำสุด เปิดจองลงทุน LTF 29 มิ.ย.-13 ก.ค.นี้

ข่าวทั่วไป Monday June 27, 2005 11:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--บลจ.บีที
บลจ.บีทีสบโอกาสตลาดหุ้นต่ำสุด เปิดจองลงทุน LTF 29 มิ.ย.-13 ก.ค.นี้ มูลค่ากอง 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนเปิด ลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% และไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพ หลังจากนั้นเดินหน้าเปิดจองกองทุน RMF อีก 5,000 ล้านบาท หวังผลักดันพอร์ตกองทุนทั้งปี 42,000 ล้านบาทตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด เปิดจองหน่วยลงทุนกองทุน LTF ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน — 13 กรกฎาคมนี้ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถจองลงทุนได้ที่งานมหกรรม LTF-RMF ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคมนี้ โดยเป็นกองทุนเปิดที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 65% แต่ไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง
กองทุนเปิดไทย LTF 70 หุ้นระยะยาวดังกล่าว มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง แต่จะจ่ายเมื่อกองทุนมีกำไรสะสม และต้องไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมขึ้น ในงวดปีบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น และเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลนั้น จะยึดหลักเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ คือ จ่ายจากเงินปันผลหรือดอกเบี้ยรับที่ได้รับจากทรัพย์สินของกองทุนรวม หรือจ่ายได้ไม่เกิน 30% ของกำไรสะสม หรือกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า
สำหรับระยะเวลาการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน หลังจากเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกนั้น จะเปิดขายหน่วยลงทุนภายใน 15 วันทำการ นับตั้งแต่วันถัดจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ส่วนวันและเวลาทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันที่ 25-31 มกราคม และวันที่ 25-31 กรกฎาคมของทุกปี ตั้งแต่เวลาทำการถึงเวลา 12.00 น.
“ผู้ลงทุนจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่เกิน 300,000 บาท หรือ ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินทุกประเภท โดยสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีทั้งจำนวน และเป็นสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มเติมจากการหักลดหย่อนภาษีของการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และที่สำคัญที่สุดที่ LTF ของเราแตกต่างจากกองทุนประเภทเดียวกัน ก็คือ เรานำเสนอกองทุนในจังหวะที่ตลาดหุ้นต่ำสุดแล้ว ทำให้เราสามารถลงทุนในหุ้นได้ในราคาที่ถูก ซึ่งจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนอยู่ในระดับสูงในอนาคต แต่เราก็ป้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุนด้วยการนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน”ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที กล่าว
สิ่งที่เป็นเงื่อนไขที่สำคัญของกองทุนเปิดไทย LTF 70 ก็คือ ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน นั่นคือหากลงทุนในปี พ.ศ. 2547 ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวไว้จนถึงปี พ.ศ. 2551 และการนำมาหักลดหย่อนภาษีนั้น ยึดหลักเกณฑ์ว่า ลงทุนในปีใด ก็ต้องนำมาหักลดหย่อนภาษีในปีนั้น ไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีในปีอื่นๆได้
หากผู้ลงทุนผิดเงื่อนดังกล่าว โดยถือหน่วยลงทุนไม่ครบ 5 ปีปฏิทิน ผู้ลงทุนต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา และเงินเพิ่ม หากมีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (capital gain) ต้องนำมารวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี
บลจ.บีที ยังมีแผนที่จะนำเสนอกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนตราสารหนี้ เพื่อให้กองทุนใหม่ของบริษัททั้งหมดครบ 11 กองทุน โดยปัจจุบันบริษัทได้นำเสนอกองทุนไปแล้วทั้งหมด 3 กองทุน โดยยึดมั่นแนวทางธรรมาภิบาลเพื่อการลงทุนเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะต้องคำนึงผลประโยชน์ บทบาทและการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย (Stakeholder) ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงานบริษัท ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ชุมชน รัฐบาล กลุ่มพลังทางสังคม สื่อมวลชน และสังคมภายนอกอื่นๆ
ในปัจจุบันรัฐบาลได้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือทางสังคมของภาคธุรกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดโครงการ “ให้ 1 ได้ 2” เพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ภาคธุรกิจที่บริจาคเงินในโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ให้สามารถหักเป็นรายจ่ายได้เป็น 2 เท่าของเงินบริจาคดังกล่าว
โครงการของกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าว เป็นโครงการการขอรับการสนับสนุนด้านการศึกษา ประกอบด้วย ห้องเรียน e-Learning ห้องเรียนคอมพิวเตอร์มาตรฐาน ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ชุดเล็ก คอมพิวเตอร์ทั่วไป
“บลจ.บีที สนับสนุนโครงการช่วยเหลือสังคมของภาครัฐอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพื่อต้องการนำเงินบริจาคที่ได้รับไปใช้ในการวางแผนภาษี แต่บริษัทต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆเท่ากำลังความสามารถของเราจะทำได้ ทั้งในรูปแบบของการช่วยเหลือระยะสั้น และระยะยาว” ดร.อนุสรณ์กล่าว
พิทักษ์ ศรีสุขใส
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
Tel: 02-6869539
Fax: 02-6573167
email: pithak.srisuksai@bankthai.co.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ