กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--PRDD
บลจ.ไทยพาณิชย์ เพิ่มทุนกองอสังหาฯ ไพร์มออฟฟิศ มูลค่าไม่เกิน 2,094 ล้านบาท พร้อมขอมติผู้ถือหน่วย 3 ธ.ค.นี้ ลงทุนบางนา ทาวเวอร์
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ หรือ Prime Office Leasehold Property Fund (POPF) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมแผนเพิ่มทุนกองทุน POPF มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,094 ล้านบาท เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าโครงการบางนา ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน เกรด B เป็นระยะเวลา 30 ปี จากปัจจุบันที่กองทุนลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานเกรด B ในทำเลถนนสุขุมวิท ได้แก่อาคารยูบีซี 2 (สมัชชาวาณิช 2) และอาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ โดยจะขอมติที่ประชุมผู้หน่วยลงทุนในวันที่ 3 ธันวาคมนี้
สำหรับโครงการบางนา ทาวเวอร์ เป็นโครงการอาคารสำนักงานและคุณภาพ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 6.5 ก่อนถึงศูนย์การค้าเมกาบางนา และตั้งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 20 กิโลเมตร โดยทำเลดังกล่าวถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นเส้นทางการคมนาคมการค้าที่สำคัญ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เช่าและผู้มาใช้บริการภายในโครงการ นอกจากนี้ อาคารดังกล่าวยังมีผลประกอบการที่ดี มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Occupancy Rate) ระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2554 - สิ้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 ที่อัตราค่อนข้างสูง ประมาณ 97-99% และมีศักยภาพในการเติบโตของค่าเช่า โดยอัตราค่าเช่าเฉลี่ยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวประมาณ 5% ต่อปี และในช่วงปี พ.ศ. 2553 - 2555 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 13%
“การลงทุนเพิ่มในโครงการบางนา ทาวเวอร์ ถือเป็นนโยบายสร้างการเติบโตให้กับกองทุน POPF ซึ่งเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงาน เพื่อทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ที่ดีในระยะยาว ตลอดจนเป็นการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้กับกองทุนรวมด้วยเช่นกัน” นางโชติกา กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุน POPFตั้งแต่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบันกองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนไปแล้ว 10 ครั้ง รวมทั้งสิ้นประมาณ 2.47 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลตั้งแต่จัดตั้งกองทุนต่อราคาเสนอขายครั้งแรกเฉลี่ยประมาณ 9.9% ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าของหน่วยลงทุนยังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 12.50 บาท (ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556) จากมูลค่าราคาเสนอขายครั้งแรก 10 บาท