กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--ตลท.
บมจ. บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) ผู้ให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 28 พฤศจิกายนนี้ โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ ราคา IPO 9,600 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 โดย BJCHI ดำเนินธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กให้เป็นชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็ก (Fabrication) และแปรรูปเพื่อประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ (Modularization) ให้กับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงานและปิโตรเคมี เหมืองแร่ เขื่อน โรงไฟฟ้า เป็นต้น และผู้รับเหมาโครงการหลักชั้นนำของโลก
BJCHI มีทุนชำระแล้ว 320 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 240 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2556 ในราคาหุ้นละ 30 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายหยัง เจิน ลี กรรมการผู้จัดการ BJCHI เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย BJCHI เป็นผู้นำด้านวิศวกรรมการผลิตและติดตั้งอุปกรณ์ให้กับอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานระดับสากล ซึ่งการระดมทุนผ่านตลาดทุนในครั้งนี้ จะเป็นแหล่งเงินทุนที่จะใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทระดับโลกด้านการดำเนินธุรกิจผลิตอุปกรณ์ทางวิศวกรรมและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
BJCHI มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มตระกูลลี ถือหุ้น 74.44% กลุ่มวชิรพงศ์ ถือหุ้น 3.75% นายสมพงษ์ ใจเพ็ชร์ ถือหุ้น 0.94% การกำหนดราคาหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) โดยราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 8.09 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส4 ปี 2555 ถึงไตรมาส 3 ปี 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 3.71 บาท เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัทจดทะเบียนที่มีการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท (ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม — 31 ตุลาคม 2556) เท่ากับ 16.67 เท่า ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีและเงินสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.bjc1994.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th