กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--วอลโว่
Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 รถยนต์ซีดานอารมณ์คูเป้เต็มร้อย หนึ่งในโครงการ DRIVe เพื่อการสร้างสรรค์รถยนต์แห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในดีไซน์เฉี่ยว สะท้อนบุคลิกความคล่องตัว ทันสมัย เปี่ยมพลังและความกระตือรือร้น สื่อถึงประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ตอบสนองได้ทันใจเมื่อขับขี่ มาพร้อมกับ 3 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 29 ได้แก่ ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection) และ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road sign Information)
เครื่องยนต์ Flexifuel E85 ความจุ 1.6 ลิตรที่มีสมรรถนะสูง ประหยัดพลังงาน ตอบสนองทันใจ ของ Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี พร้อมสุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยครั้งแรกของโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยที่ช่วยให้หยุดรถได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ รวมทั้งระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐาน
วอลโว่ S60 DRIVe มีให้เลือก 2 รุ่นคือ DRIVe (B) และ DRIVe (S) และมีโทนสีภายนอกที่สะดุดทุกสายตา และเน้นความโดดเด่นของดีไซน์เฉี่ยว โดยเฉพาะเฉดสีทันสมัย Flamenco Red Metallic ที่เปรี้ยว เฉี่ยว ทันสมัยเน้นความสปอร์ต นอกจากนี้ ยังมีสี Ember Black Metallic, Electric Silver Metallic, Ice White และ Seashell Metallic ให้เลือก
ผลงานจากโครงการ DRIVe เพื่อสิ่งแวดล้อม
Volvo S60 DRIVe E85 เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในโครงการ DRIVe ซึ่งเป็นความพยายามของวอลโว่ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ วิจัย ผลิต การขับขี่และการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ อันเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตรถยนต์ปลอดไอเสีย และนำมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เครื่องยนต์เชื้อเพลิงทางเลือก การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ลดแรงต้านและประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารสะอาด ปลอดภัยมากที่สุด
รถยนต์วอลโว่เครื่องยนต์ E85 ที่พัฒนาขึ้นตามโครงการ DRIVe และมีจำหน่ายในประเทศไทยได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (TISI) ของไทย โดยพบว่ามีปริมาณการปล่อยไอเสียต่ำมากและอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานถึง 70%
รูปลักษณ์ภายนอก
ซีดานอารมณ์คูเป้
Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อปลุกเร้าทุกอณูในตัวคุณ ทั้งในเชิงกายภาพกับการขับขี่ที่เร้าใจ และในเชิงอารมณ์กับความโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตที่ดูเฉี่ยว คล่องตัว พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพิ่มความสปอร์ตและมีบุคลิกที่เปี่ยมพลัง กระตือรือร้นและยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียนได้อย่างเต็มที่
รูปลักษณ์ของ Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 สะท้อนความเป็นรถคูเป้ในร่างของรถซีดานระดับพรีเมี่ยม อย่างชัดเจน แนวเส้นโค้งหลังคาจากเสา C ที่ยาวต่อเนื่องไปจนจดไฟท้ายดูเพรียวลมสไตล์รถคูเป้เสริมความโดดเด่นของความโค้งบนไหล่ทั้งสองด้าน ทำให้ตัวถังโค้งเป็นสองลอนตั้งแต่ไฟหน้าไปจนถึงไฟท้ายคือดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของวอลโว่ สะท้อนถึงความนุ่มนวลแต่ทรงพลังตลอดทั้งคัน
ทีมดีไซน์ของวอลโว่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถหรือ “Race Track” เน้นดีไซน์ที่ลื่นไหลเช่นเดียวกับ แทรครถแข่ง ตัวรถที่ต่ำลงให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น สะท้อนถึงการเกาะถนนดี และดูเพรียวลมมากขึ้น กระโปรงท้ายที่ออกแบบอย่างประณีตและความยาวตัวรถจากหน้าจรดท้ายที่สั้นกว่าช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 เต็มที่
ไฟ LED เพิ่มความสวยสง่ายามค่ำ
ไฟข้างกระจังหน้าถือได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของวอลโว่ที่ ใช้เทคโนโลยีไฟ LED ที่ให้แสงเรืองแปลกตากว่ารถใดๆ บนถนน การวางตำแหน่งดวงไฟด้านหน้ารถในแนวตั้ง ที่คิ้ว ไฟเลี้ยวทรงยาวบนกระจกมองข้าง และไฟท้ายที่ขอบกระโปรงด้านบนทำให้ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นยามได้เห็นท่ามกลางถนนที่มืดมิด นอกจากนี้ ไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัยและปรับระดับขึ้น/ลงโดยอัตโนมัติ (Active Bending Light) ยังให้แสงสว่างและสามารถฉายไฟหักเหได้ตามการหมุนพวงมาลัยเลี้ยวตามความโค้งของถนน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่บนถนนที่คดเคี้ยวในยามค่ำ
รูปลักษณ์ภายในหรูกลิ่นอายสปอร์ต
ดีไซน์ลื่นไหล หรู เร้าใจ
การออกแบบภายในห้องโดยสารของ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ยังคงมีกลิ่นอายของคอนเซ็ปต์การดีไซน์แบบ “Race track” เช่นเดียวกับภายนอกทำให้มีบรรยากาศที่ดูสดใส กระตือรือร้น โดยเฉพาะที่คอนโซลหน้าและบานประตู ซึ่งมีเส้นสายการออกแบบที่ลื่นไหลต่อเนื่อง สื่อให้เห็นถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว นักออกแบบของวอลโว่ได้เติมสีสัน ความสนุกสนาน และความแตกต่างที่ลงตัว ให้กับสไตล์เรียบหรูใช้งานได้จริงแบบสแกนดิเนเวียนแท้ๆ รวมทั้งยังสะดวกต่อการบังคับควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อความสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร วอลโว่ได้ออกแบบเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่มีช่วงนูนขึ้นมารับสีข้าง นั่งสบายติดตั้งเป็นมาตรฐาน และให้ทัศนวิสัยที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ ส่วนเบาะหลังมีพื้นที่กว้างขวาง นั่งได้สบายๆ 3 คน ภายในใช้โทนสีเบจ (รุ่น B) และ Beachwood off-black (รุ่น S) สร้างบรรยากาศอบอุ่นสบาย ตามแบบ
สแกนดิเนเวียนดีไซน์ที่เน้นแนวคิด warm inside, cool outside ในรุ่น S หรูด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยโลหะ และระบบ Speed Sensitive Steering ปรับความหนืดตามความเร็วของรถได้โดยอัตโนมัติ ส่วนในรุ่น B ก็เป็นพวงมาลัยหุ้มหนังจับกระชับมือ
ใหม่ในรุ่นปี 2013 วอลโว่ติดตั้งหัวเกียร์ใหม่ที่แสดงตำแหน่งเกียร์ไว้บน หัวเกียร์ด้วยแสงสีเขียวเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย รวมทั้งรูปทรงใหม่ที่จับกระชับมือ ใช้วัสดุพิเศษที่จะเรืองแสงสีขาวในความมืดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
Volvo Sensus เพื่อการควบคุมได้เต็มที่ พร้อมความปลอดภัยและความบันเทิงเต็มพิกัด
Volvo Sensus เป็นนวัตกรรมที่ให้ความสะดวกและข้อมูลสำคัญแก่คนขับอย่างเต็มที่ โดยออกแบบให้แผงคอนโซลกลางและหน้าปัดทำมุมเอียงหันไปด้านคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญได้สะดวกจากหน้าจอสี 5 นิ้ว (รุ่น B) หรือ 7 นิ้ว (รุ่น S) วอลโว่ได้ติดตั้งจอในตำแหน่งค่อนข้างสูงบนแผงคอนโซลหน้าเพื่อให้ผู้ขับมองเห็นข้อมูลและถนนได้อย่างชัดเจนพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ การออกแบบตำแหน่งการวางอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถเอื้อมถึงปุ่มบังคับต่างๆ ได้สะดวก จอดังกล่าวจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเพลง โทรศัพท์เคลื่อนที่ ภาพด้านหลังขณะถอยจอดจากกล้องช่วยจอด-หลัง (เฉพาะรุ่น S) หรือกล้องแพโนรามา (อุปกรณ์เสริม) เพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจนและมองเห็นมุมกว้างได้มากกว่า รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ
Volvo Sensus ยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่อให้สามารถสื่อสารได้สะดวกปลอดภัย รวมทั้งฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาได้อย่างรื่นรมย์ และสามารถฟังเพลงผ่านการเชื่อมต่อแบบบลูทูธได้ในรถยนต์ด้วย
สุดยอดระบบความบันเทิง
ระบบเสียงแบบ High Performance Multimedia 4x40 วัตต์ ในรุ่น S และแบบ High Performance ในรุ่น B มาพร้อมลำโพง 8 ตัว ให้เสียงคมชัดด้วยระบบดอลบี ดิจิตอล ที่ให้คุณภาพระดับเดียวกับที่ใช้ในระบบโฮมเธียเตอร์และโปรเฟสชั่นแนลเธียเตอร์ คุณภาพเสียงคมชัด น่ารื่นรมย์สำหรับทุกคนในรถ นอกจากนี้ยังมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น iPod รวมทั้งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ และดึงเพลงจากในโทรศัพท์มือถือมาเล่นในระบบเครื่องเสียงในรถยนต์ได้ในระบบ audio streaming เพื่อความสุนทรีย์กับเครื่องเสียงคุณภาพสูง
สะดวกปลอดภัยกว่ากับเทคโนโลยีใหม่
เพื่อช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยให้ขับขี่รถยนต์วอลโว่ได้อย่างปลอดภัย วอลโว่ได้พัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เพื่อผู้ขับขี่ได้แก่
1. ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) - เฉพาะรุ่น S
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเปลี่ยนจากไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติในสถานการณ์ที่เหมาะสม เทคโนโลยีนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกหน้า เพื่อตรวจจับแสงไฟหน้าจากรถที่สวนมา ส่วนซอฟต์แวร์ของรถจะวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องทิศทางและตำแหน่งของรถที่สวนมา ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังระบบ ถ้ารถที่สวนมาเข้ามาอยู่ในระยะที่กำหนด ระบบจะปรับไฟหน้ารถลงมาเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ เมื่อพ้นไปแล้วก็จะปรับมาเป็นไฟสูงเหมือนเดิมเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน
ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติยังสามารถทำงานร่วมกับระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดน้ำฝนเพื่อปรับการทำงานของไฟและที่ปัดน้ำฝนซึ่งจะให้ ทัศนวิสัยที่ดีที่สุดแก่ผู้ขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ
2. ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) - เฉพาะรุ่น S
เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ผู้ขับไม่สามารถอ่านป้ายต่างๆ ได้ทันตลอดเวลา ระบบนี้จึงช่วยเป็นหูเป็นตา อ่านและแสดงสัญญลักษณ์ที่เป็นสากลบนแผงหน้าปัด เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายห้ามแซง กล้องที่ติดตั้งที่หน้ารถจะสามารถตรวจจับป้ายจราจรที่ได้มาตรฐานของยุโรป
3. ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection)
ระบบนี้จะเปิดไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อรถเข้าสู่ที่มืดหรืออุโมงค์ และเมื่อออกจากอุโมงค์ก็จะปิดไฟหน้ารถหรือกลับมาสู่ตำแหน่งที่ตั้งไว้เดิมโดยอัตโนมัติเช่นกัน ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืดทำงานโดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกหน้าช่วยวัดแสงและคาดสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อสั่งการให้ระบบนี้ทำงาน นอกจากระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่แล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เพราะตามนุษย์ต้องอาศัยเวลาในการปรับการมองเห็นเมื่อระดับของแสงเปลี่ยนไป
ระบบเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert Control: DAC) - เฉพาะรุ่น S
ให้เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่เลือกจับตาดูความเคลื่อนไหวและทิศทางของรถท่ามกลางการจราจรบนท้องถนน จากนั้นจึงประเมินความเป็นไปได้ที่ผู้ขับขี่อาจสูญเสียการควบคุมรถหรือมีสมาธิในการขับขี่น้อยเกินไปจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วส่งสัญญาณเสียง หรือข้อความทางหน้าจอเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก
ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน (Lane Departure Warning: LDW) - เฉพาะรุ่น S
ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการขับออกนอกช่องทางเดินรถ โดยอาจจะเกิดจากการสูญเสียสมาธิของผู้ขับขี่ ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลนสามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนคอนโซลหน้ารถ เพื่อทำหน้าที่เตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณเสียงหากรถเคลื่อนที่ข้ามเส้นแบ่งเลนอย่างไม่เหมาะสม เช่นในขณะที่ผู้ขับขี่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว หรือการหักเลี้ยวกะทันหัน โดยใช้กล้องในการตรวจจับตำแหน่งของรถและเส้นแบ่งเลน ระบบจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 65 กม./ชม. และแอคทีฟต่อเนื่องในช่วงความเร็วที่มากกว่า 60 กม./ชม. ทั้งนี้ สำหรับถนนไฮเวย์ในสหรัฐฯ อุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถข้ามเลนมีตัวเลขประมาณ 1 ใน 4 ของอุบัติเหตุทั้งหมดบนถนนเลยทีเดียว นักวิจัยของ วอลโว่ คาร์ประมาณการไว้ว่า ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน น่าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุประเภทนี้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30-40 ที่ระดับความเร็วระหว่าง 70-100 กิโลเมตร
ขับขี่ปลอดภัย ควบคุมได้เต็มร้อย
ด้วยแชสซีแบบทัวริ่ง ทำให้วอลโว่ Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 ขับขี่ได้นุ่มนวลนั่งสบายแม้บนสภาพถนนที่ไม่เรียบมาก นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนารายละเอียดในระบบแชสซี ทำให้ควบคุม บังคับรถยนต์ได้แม่นยำขึ้น
ระบบเบรกที่เพิ่มความมั่นใจ
ระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่เต็มพิกัด โดยระบบเบรกในวอลโว่ วอลโว่ S60 DRIVe สปอร์ตแวก้อนประกอบด้วยเทคโนโลยีหลากหลายได้แก่
? Ready Alert Brakes ที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรจะต้องเบรกกระทันหัน โดยคาลิปเปอร์เบรกจะกดเบาๆ บนจานเบรกก่อนที่ผู้ขับจะเหยียบเบรก เพื่อช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ
? ระบบ Hydraulic Brake Assist ช่วยลดระยะเบรกให้เหลือสั้นที่สุดได้อย่างปลอดภัย
? Optimized Hydraulic Brake ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของเบรก
? Fading Brake Support ที่ใข้ระบบไฮโดรลิกในการเพิ่มแรงเบรกเมื่อเหยียบเบรกอย่างแรง ซึ่งช่วยลดปัญหาเบรกจม ทำให้มั่นใจมากขึ้น
? ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อจอดรถ (ติดตั้งเป็นมาตรฐาน)
ทรงตัวเยี่ยม
ระบบ Advanced Stability Control
Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 ติดตั้งระบบ Advanced Stability Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบควบคุมการทรงตัวที่ล้ำสมัยนี้มีอุปกรณ์ตรวจสอบอัตราการโคลงตัวของรถและเซ็นเซอร์ตรวจสอบอัตราเร่ง เพื่อตรวจจับการลื่นไถลตั้งแต่เริ่มต้น และชดเชยด้วยอัตราที่ถูกต้อง เพื่อปรับเสถียรภาพของรถ
ระบบควบคุมการทรงตัวและยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Stability and Traction Control - DSTC) ที่มาพร้อม Sport Mode ยังช่วยควบคุมการทรงตัวป้องกันรถจากอาการท้ายปัด หมุน หรือพลิกคว่ำ และเมื่ออยากขับแบบสปอร์ต ก็สามารถเลือก Sport Mode หากผู้ขับต้องการอารมณ์การขับขี่แบบสนุกและเร้าใจยิ่งขึ้น โดยที่ระบบจะยอมให้ล้อหลังมีการหมุนฟรีเล็กน้อย
เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แรงได้ใจ
วอลโว่ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ ความจุ 1.6 ลิตร ทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ให้พลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที และทอร์ค 240 นิวตันเมตรในช่วง 1,600-5,000 รอบต่อนาที จึงตอบสนองได้ทันใจในทุกรอบเครื่อง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9 วินาที ขณะเดียวกันก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ พร้อมทั้งประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าทึ่ง โดยสามารถวิ่งเฉลี่ยใน-นอกเมือง 13.8 กิโลเมตรต่อน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ลิตร
เกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ ผสานเทอร์โบชาร์จ เพิ่มพลัง-ประหยัด
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเพาเวอร์ชิฟท์ ที่ช่วยให้เร่งได้ต่อเนื่อง เปลี่ยนเกียร์ราบรื่น และประหยัดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทอร์โบชาร์จของวอลโว่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะให้กำลังเครื่องยนต์ออกมาสูงทั้งๆ ที่มีขนาดเล็ก ส่วน ท่อไอเสียใหม่และเทอร์โบทำจากแผ่นเหล็กเกรดพิเศษอัดขึ้นรูปแทนที่จะเป็นโลหะหล่อขึ้นรูปที่หนักกว่าและให้ประสิทธิภาพในการดึงพลังงานออกจากไอเสียมาใช้งานน้อยกว่า แม้ว่าท่อไอเสียที่ทำจากแผ่นเหล็กจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการใช้เฉพาะร่วมกับเทอร์โบชนิดโลหะหล่อขึ้นรูปเท่านั้น ระบบเทอร์โบใหม่ที่ใช้แผ่นเหล็กจึงนับว่าเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่จดสิทธิบัตรโดยวอลโว่
ระบบขับเคลื่อนแบบเพาเวอร์ชิฟท์ (Powershift) ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง วอลโว่คาร์และ Getrag หลักการทำงานของเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ คือ การมีชุดเกียร์ 2 ชุดพร้อมคลัทช์คู่แบบเปียกที่ทำงานแยกกันโดยอิสระ ชุดที่ 1 จะควบคุมการทำงานของเกียร์ 1, 3, 5 และเกียร์ถอยหลัง ส่วนอีกชุดหนึ่งจะควบคุมการทำงานของเกียร์ 2, 4, 6 โดยแต่ละชุดจะสลับกันทำงาน กล่าวคือ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานผลิตกำลังเต็มที่แล้วในเกียร์ 1 คลัทช์ชุดที่สองจะเข้ารอที่เกียร์ 2 ทันที เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ 2 แล้ว คลัทช์ชุดแรกจะไปรออยู่ที่เกียร์ 3 สลับกันไปเรื่อยๆ การที่มีคลัทช์ 2 ชุดทำงานสลับกันเช่นนี้ทำให้เครื่องยนต์สามารถส่งกำลังต่อเนื่องไม่มีขาดตอน ไม่ต้องมีทอร์กคอนเวอร์เตอร์และไม่เกิดการเสียแรงบิด จึงเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ราบรื่น และรักษาอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่องขณะที่มีการเปลี่ยนเกียร์
นอกจากการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นต่อเนื่องแล้ว ระบบส่งกำลังแบบเพาเวอร์ชิฟท์ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 8% เมื่อเทียบกับเกียร์ออโตเมติกทั่วไป ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะลดปริมาณไอเสียหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้เป็นอย่างดี
จัดเต็มระบบความปลอดภัย
Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ถูกออกแบบมาเพื่อคนยุคไฮเทคอย่างแท้จริง ด้วยนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยกว่าที่ใครๆ จะคาดถึงและช่วยให้คนขับบังคับรถได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกและเซ็นเซอร์ตรวจจับคนเดินถนน (Collision Warning with Full Auto Brake and Pedestrian Detection) — รุ่น S
ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชน ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ขณะขับขี่บนถนนไฮเวย์โดยเฉพาะ ระบบนี้สามารถรับรู้และเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ภายในระยะ 150 เมตร เรดาร์เซ็นเซอร์ที่อยู่บนกระจังหน้าและกล้องดิจิตอลที่อยู่บนกระจกบังลมหน้าจะตรวจจับระยะห่างระหว่างรถยนต์วอลโว่ที่มีคุณสมบัตินี้กับรถคันข้างหน้า หากรถคันหน้าหยุดกะทันหัน และระบบ Collision Warning ประเมินว่าอาจเกิดการชน ระบบจะส่งเสียงสัญญาณและไฟกระพริบเพื่อเตือน ผู้ขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้นระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็วรถโดยสั่งให้ระบบเบรกทำงานในระดับหนึ่ง เพื่อช่วยผ่อนแรงผู้ขับขี่ในการเหยียบเบรกให้รถหยุดทันท่วงที หากผู้ขับไม่เหยียบเบรก ฟังก์ชั่น Auto Brake จะหยุดรถโดยทันทีและเปิดสัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อเตือนรถคันที่ตามหลังมาให้ระวังตัว
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับได้ว่ามีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ และจะหยุดรถอัตโนมัติถ้าคนขับไม่เบรกอย่างทันท่วงที
ระบบตรวจจับคนเดินถนนนี้ประกอบด้วย เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่บนกระจังหน้าของรถ กล้องที่ติดอยู่ด้านหลังของกระจกมองหลัง และกล่องควบคุมระบบ เรดาร์มีหน้าที่ตรวจจับภาพมุมกว้าง 60 องศาทางด้านหน้ารถว่ามีวัตถุอยู่ในรัศมีหรือไม่ และวัดระยะห่างจากวัตถุนั้น ส่วนกล้องก็จะยืนยันว่าวัตถุนั้นเป็นโครงสร้างของมนุษย์ คือ มีศีรษะ ลำตัว แขน ขา หรือไม่ โดยที่เรดาร์สามารถตรวจจับได้กระทั่งคนที่เพิ่งจะก้าวลงมาบนถนน กล้องนี้มีความละเอียดสูงมาก ทำให้สามารถตรวจจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดินถนนนั้นได้ด้วย ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานและทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม.
ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ขับขี่จะได้ยินเสียงสัญญาณเตือนพร้อมกับเห็นไฟกระพริบบนกระจกบังลมหน้า สัญญาณเตือนเหล่านี้จะมีลักษณะคล้ายไฟเบรกเพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่มีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันระบบเบรกก็จะชาร์จเตรียมไว้ หากผู้ขับขี่ไม่เหยีบเบรกเมื่อได้ยินและเห็นสัญญาณเตือน แต่หากระบบคำนวณว่าจะเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ ระบบหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกจะทำงานทันที
ระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชั่นหยุด/ออกตัวรถอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า — Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert (ACC) - รุ่น S
ระบบช่วยให้ผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากรถคันหน้าในทุกระดับความเร็วจนถึง 200 ก.ม./ช.ม. ในการจราจรที่เคลื่อนตัวช้าที่ระดับความเร็วต่ำกว่า 30 ก.ม./ ช.ม. ฟังก์ชั่นหยุดรถและออกตัวรถอัตโนมัติจะปรับระดับความเร็วของรถให้พอดีกับคันหน้า จากรถที่หยุดอยู่กับที่ เพียงกดปุ่มหรือเหยียบคันเร่ง ก็สามารถขับตามคันหน้าได้อย่างนิ่มนวล และถ้าใช้ความเร็วสูงกว่า 30 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถตั้งความเร็วรถที่ต้องการและช่วงระยะวลาน้อยที่สุดที่รถจะวิ่งไปถึงคันหน้า ระบบจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ หรือแสดงไฟเตือนถ้าเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป
ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) เพื่อความปลอดภัยในเมือง
ซิตี้เซฟตี้เป็นเทคโนโลยีที่วอลโว่คิดค้นขึ้นเป็นรายแรกและติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เมื่อรถคุณวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะใช้เลเซอร์ที่ฝังอยู่ส่วนบนของกระจกบังลมหน้า สแกนพื้นที่ด้านหน้ารถในระยะห่างออกไป 10 เมตร เพื่อตรวจจับยานพาหนะด้านหน้ารถว่าหยุดอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ถ้าระบบประเมินว่าการชนกำลังจะเกิดขึ้น เบรกจะถูกชาร์จเตรียมไว้เพื่อให้คุณเหยียบเบรกได้ทันท่วงที หรือหากคุณไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติ และถ้าความเร็วของรถคุณกับรถคันหน้าต่างกันไม่เกิน 16 กม./ชม. การเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากความเร็วต่างกัน มากกว่า 16 กม./ชม. การเบรกจะช่วยลดความรุนแรงลงได้
ระบบเตือนจุดบอดด้านข้างรถ (Blind Spot Information system - BLIS) -มาตรฐาน
ระบบเตือนจุดบอดด้านข้างรถติดตั้งเป็นมาตรฐานในรถรุ่นนี้ โดยมีกล้องดิจิตอลไว้ใต้กระจกมองข้างหันไปทางด้านหลังรถ เพื่อเฝ้าระวังทั้งสองข้างของรถ หากมียานพาหนะเข้ามาในโซนจุดบอด ระบบนี้จะเตือน โดยหลอดไฟที่ติดอยู่กับประตูหน้าด้านซ้ายหรือขวาจะสว่างขึ้น ระบบนี้จะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 10 ก.ม./ช.ม.
ถอยจอดได้ปลอดภัย
นอกจากนี้ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ยังมีระบบช่วยจอดได้อย่างปลอดภัยด้วยกล้องช่วยจอด (Park Assist camera) ทางด้านหลัง และเซ็นเซอร์ช่วยจอดทั้งด้านหน้าสำหรับรุ่น S นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในทั้งสองรุ่น ได้แก่ เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยในการถอยจอด
มุมเลี้ยวแคบด้วย Corner Traction Control
ฟังก์ชั่นควบคุมการเข้าโค้งโดยการถ่ายเทแรงบิด (Corner Traction Control by Torque Vectoring) ช่วยให้รถเข้าโค้งได้นุ่มนวลมากขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้ เป็นการพัฒนาระบบ DSTC ให้ดีขึ้น เมื่อเข้าโค้ง ล้อที่อยู่ด้านในของโค้งจะเบรกพร้อมกับถ่ายทอดกำลังไปยังล้อที่อยู่ด้านนอกมากขึ้น ทำให้ผู้ขับสามารถเข้าโค้งใน วงแคบได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการดื้อโค้งด้วย
ปกป้องเต็มที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
โครงสร้างนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน
ในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหน้า องค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ โครงสร้างเหล็กหลากชนิดของตัวรถจะช่วยกระจายแรงชนออกไปทั่วๆ และช่วยดูดซับแรงกระแทกไม่ให้เข้ามาถึงภายในห้องโดยสาร โครงสร้างทางตอนหน้าของวอลโว่ S60 DRIVe ใหม่ ถูกแบ่งออกเป็น 4 โซน แต่ละโซนมีหน้าที่แตกต่างกันในยามเกิดอุบัติเหตุ เครื่องยนต์ที่วางแนวขวางช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อรองรับการยุบตัวของตัวถัง และช่วยลดความเสี่ยงที่ตัวถังจะยุบเข้ามาถึงห้องโดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้า
วอลโว่ S60 DRIVE ใหม่มีเข็มขัดนิรภัยแบบปรับความตึงได้สำหรับทุกที่นั่ง มีระบบ Pre-prepared Restraints (PRS) ที่ช่วยปรับการทำงานของถุงลมนิรภัย ขณะที่ระบบ load limiter จะช่วยคำนวณและปรับแรงดึงกลับของเข็มขัดนิรภัยให้เหมาะสม เพื่อให้การปกป้องสูงสุดสำหรับการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง
ซีดานสไตล์สปอร์ตรุ่นใหม่นี้มีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง (Side Impact Protection System - SIPS) ถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่ง ม่านนิรภัยด้านข้าง (Inflatable Curtain) และระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash Protection System - WHIPS) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตลาดรถยนต์ปัจจุบันที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บที่คอเมื่อรถถูกชนหลังในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจริง เช่น การชนจากด้านข้างทั้งสองด้านของตัวรถ วอลโว่ได้รวมข้อมูลจากเครื่องวัดความเร็วในรถและเครื่องวัดการโคลงตัวของรถ เพื่อควบคุมการทำงานของม่านลมนิรภัย ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง ถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัยในการชนแต่ละครั้ง