AIM พลิกฟื้นมีกำไรครั้งแรกในรอบ 4 ปี เทรดวันนี้ชื่อย่อใหม่ “อี ฟอร์ แอล”หรือ EFORL รุกธุรกิจเครื่องมือแพทย์-พร้อมเทิร์นอะราวด์

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 2, 2013 08:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--IR network 2 ธ.ค.นี้ AIM เปลี่ยนชื่อย่อในการซื้อขายเป็น “อี ฟอร์ แอล” หรือ EFORL สอดรับกับชื่อของบริษัท “บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม” เพื่อสะท้อนธุรกิจใหม่ที่เติมเข้ามาในส่วนของการจัดจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ โดยจะเริ่มเห็นภาพชัดตั้งแต่ไตรมาส 4/56 นี้ ล่าสุดได้เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องช่วยหายใจยี่ห้อ Hamilton จากสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโลกเครื่องช่วยหายใจ “ธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์” ชี้ปีนี้เริ่มขยับเทิร์นอะราวด์จากธุรกิจใหม่ด้วยฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง ลบภาพบริษัท ที่มีผลขาดทุนมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มั่นใจผลงานตลอดปี 2556 ยืนในแดนบวก ส่วนผลงานล่าสุด 9 เดือนพลิกมีกำไรสุทธิ 3.63 ล้านบาทแล้ว นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)(EFORL) เปิดเผยว่าในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ให้เปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น EFORL จากเดิม AIM แล้ว โดยสาเหตุที่ขอเปลี่ยนแปลงชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อให้สอดรับกับชื่อเต็มคือ “บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)” และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับธุรกิจการนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งบริษัทได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยธุรกิจนี้เป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงมาก ทั้งสินค้าทางการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับตลาดคนรักความสวยงามและสุขภาพ “การเปลี่ยนชื่อย่อใหม่ในการซื้อขายหลักทรัพย์เป็น EFORL อยากให้นักลงทุนเรียก ว่า “อี ฟอร์ แอล” ซึ่งนอกจากจะเรียกสั้นๆ ง่ายๆ แล้ว ยังสื่อทันทีว่าหมายถึง บมจ. อี ฟอร์ แอล เอม เพื่อสร้างให้เกิดความทรงจำใหม่สอดคล้องกับธุรกิจใหม่ ที่มีอนาคตอย่างมาก มีศักยภาพในการเติบโต และต่อไปธุรกิจเครื่องมือแพทย์จะเป็นหลักสำคัญในการสร้างรายได้และกำไร หวังสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว ตั้งแต่ไตรมาส 3/56 จากผลประกอบการที่พลิกเป็นกำไรสุทธิ โดยส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้กำไรที่มาจากธุรกิจการจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์” ทั้งนี้ในไตรมาส 4/56 จะเป็นระยะเวลาที่บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่อย่างเต็มที่โดยเฉพาะในธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ส่วนธุรกิจการให้บริการสื่อโฆษณาซึ่งเป็นธุรกิจเดิมนั้น จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ลดการขาดทุนทั้งทางบัญชีและขาดทุนจริงแบบในอดีต ปัจจุบันมีกำไรจากการดำเนินงานในรูปเงินสด เนื่องจาก ได้ตัดค่าเสื่อมราคาส่วนใหญ่ไปแล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทฯจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส 4/56 จากบริษัทย่อย “บริษัท สเปซเมด จำกัด” ซึ่งอยู่ในธุรกิจเครื่องมือแพทย์เช่นกัน ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/56 บริษัทฯรับรู้รายได้จากสเปซเมดเพียง 10 วันเท่านั้น เขากล่าวต่อว่า แม้ EFORLและ สเปซเมดจะประกอบธุรกิจเครื่องมือแพทย์ แต่บริษัทฯได้กำหนดตลาดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดย EFORL จะจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีมูลค่าต่อหน่วยสูง ขณะที่ “สเปซเมด” จะเน้นจำหน่ายสินค้าที่เป็นแมส มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่า และมีปริมาณความต้องการครั้งละมากพอสมควร โดยปัจจุบัน “สเปซเมด” เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องวัดความดันดิจิตอลแบบสอดแขนเจ้าแรกยี่ห้อ AND ประเทศญี่ปุ่น, ตัวแทนจำหน่ายกล้องจุลทรรศน์ของ Olympus และเครื่องตัดชิ้นเนื้อยี่ห้อ SAKURA เป็นต้น “เมื่อเร็วๆ นี้ EFORL เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องช่วยหายใจยี่ห้อ Hamilton ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโลกในสินค้าชนิดนี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ระดับโลกอีกหลายรายเพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ สำหรับตลาดสุขภาพของไทยโดยรวมในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาทคิดเป็นเพียงร้อยละ 4 ของ GDP ขณะที่ค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ร้อยละ 5 ซึ่งไทยยังต่ำกว่าเกณฑ์ ส่วนโซนอเมริกาและยุโรปมีสัดส่วนต่อ GDP สูงกว่าร้อยละ10 ขณะที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น HUB ด้านสุขภาพ โดยกำหนดยุทธศาสตร์จะต้องเป็นให้ได้ภายใน 5 ปี ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ตลาดนี้เติบโตได้อีกมากในอนาคต” นายธีรวุทธิ์ กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ