กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
- เปิดศูนย์คอนเทนเนอร์ใหม่ 8 พ.ย. เปิดออฟฟิศใหม่ 25 พ.ย. และเปิดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าใหม่ 27 พ.ย.
- เทสโก้-โลตัส หนึ่งในลูกค้าหลักที่จะใช้บริการศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าของตลาดไท
วันนี้ ตลาดไท ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผักและผลไม้สด ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย บนเนื้อที่ 450 ไร่ในย่านรังสิต ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ พร้อมทิศทางดำเนินธุรกิจ มุ่งปั้นไทยเป็นฮับสำหรับการค้าส่งผักและผลไม้สดของเออีซี ที่มีมูลค่ารวม 2.7 ล้านล้านบาท
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด เจ้าของตลาดไท เปิดเผยว่า ?บริษัทมีแผนลงทุน 2,600 ล้านบาทภายในปีนี้และปีหน้า เพื่อผลักดัน ประเทศไทยไปสู่การเป็นฮับสำหรับการค้าส่งผักและผลไม้สดของเออีซี?
?ทุกวันนี้ ตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งถือเป็นตลาดพี่ตลาดน้องกันนั้น รองรับการค้าส่งผักและผลไม้สด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของทั้งประเทศ โดยมีสินค้าเกษตรผ่านเข้าออกมากกว่า 15,000 ตันต่อวัน นี่ถือเป็นศักยภาพและเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่เราจะเดินหน้าเชิงรุกผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นฮับสำหรับการค้าในภาคส่วนนี้ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยกลยุทธ์ของเราคือ ต้องขยับตัวให้เร็วและต้องลงทุนให้หนัก? นายประดิษฐ์ กล่าว
นายประดิษฐ์กล่าวว่า ภาคการเกษตรถือเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย และถือเป็นภาคส่วนที่ทำให้เกิดการจ้างงานมากที่สุดของประเทศ โดยมีประชากรเกือบ 15 ล้านคนทำงานอยู่ในภาคการเกษตร
?ถ้าตลาดไทประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยภาคการเกษตรโดยรวมของประเทศไทยได้ด้วย โดยการเปิดตลาดรายใหม่ๆ ในภูมิภาค และทำให้เกษตรกรไทยนับล้านล้านคนสามารถนำสินค้าการเกษตรของตนไปสู่ผู้ซื้อรายใหม่ๆ ได้ทั่วทุกประเทศในเออีซี ซึ่งการเข้าถึงตลาดใหม่ได้อย่างสะดวกรวดเร็วนี้ นับเป็นการเปิดตลาด เพิ่มลูกค้า ให้กับเกษตรกรไทย ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาสินค้าของเกษตรกรไทยดีขึ้นตามไปด้วย? นายประดิษฐ์กล่าว
มร. เกรแฮม แซนเดอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด กล่าวว่า ?เพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์ดังกล่าว ขณะนี้เราได้เริ่มเพิ่มบริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของโมเดิร์นเทรดมากยิ่งขึ้น โดยในวันพรุ่งนี้ เราจะเปิดศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าใหม่ในตลาดไท ที่จะทำหน้าที่ป้อนสินค้าให้กับโมเดิร์นเทรด ซึ่งมีเทสโก้-โลตัสเป็นหนึ่งในลูกค้าหลักที่จะใช้บริการศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าของเรา โดยศูนย์ฯ สามารถรองรับสินค้าได้ 1,000 ตันต่อวัน และตามแผนการลงทุน จะมีการลงทุน 1,000 ล้านบาทในช่วงต้นปี 2557 เพื่อขยายขีดความสามารถของศูนย์ฯ แห่งนี้ ให้รองรับสินค้าได้ถึง 3,000 ตันต่อวัน พร้อมกับเพิ่มคลังสินค้าสำหรับ การผลิต การบรรจุหีบห่อ และห้องเย็น ซึ่งการขยายขีดความสามารถครั้งนี้ จะทำให้เรามีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า ที่มีความทันสมัยมากที่สุด เพื่อรองรับลูกค้าตลาดค้าส่งในปัจจุบันของเรา และลูกค้าโมเดิร์นเทรด?
มร. เกรแฮมกล่าวว่า นอกจากนี้ ตลาดไทยังได้เปิดศูนย์คอนเทนเนอร์ใหม่ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน เพื่อเป็นแหล่งค้าขายผักและผลไม้นำเข้า
ศูนย์คอนเทนเนอร์ใหม่นี้ ก่อสร้างด้วยงบประมาณ 130 ล้านบาท รองรับได้ 13,140 คอนเทนเนอร์ต่อปี ทั้งนี้การนำเข้าผลไม้สดถือเป็นหนึ่งในภาคการนำเข้าที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดของไทย โดยมีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด มากกว่า 26% ในปี 2555 ทำให้ภาคการนำเข้าผลไม้สดรวมมีมูลค่า 24,663 ล้านบาท
?ถ้าเรารีบลงทุนโดยเร็ว ก็จะทำให้เราสามารถก่อสร้างและวางระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ สำหรับรองรับการเติบโตของการค้าในภาคส่วนนี้ และทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นฮับของภูมิภาคนี้ทั้งหมดได้ โดยขณะนี้ เรากำลังอยู่ในระหว่างการประเมินโครงการลงทุนเพิ่มเติมมูลค่า 600 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินใกล้ตลาดไทเพิ่ม สำหรับการก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อขยายขีดความสามารถของศูนย์คอนเทนเนอร์ขึ้นเป็น 60,000 คอนเทนเนอร์ต่อปี? มร. เกรแฮมกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานหลักของตลาดไท ด้วยงบประมาณการลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท ดำเนินการติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกแกนหลักยาว 2 กิโลเมตร เครื่องสูบน้ำที่มีความสามารถในการสูบน้ำได้ 500 คิวบิคเมตรต่อวัน จำนวน 4 เครื่อง และโรงบำบัดน้ำเสีย 2 โรงที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ตลอดจนโครงการก่อสร้างและซ่อมแซมส่วนหลักอื่นๆ ที่กำลังตามมา
?แผนการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นดำเนินการตามคำมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดไท โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างและให้บริการตลาดค้าส่งผักและผลไม้ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้? มร. เกรแฮมกล่าว
มร. เกรแฮมกล่าวว่า ตลาดไทยังได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนขยะอินทรีย์ในตลาด 55,000 ตันต่อปี ไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจที่จะพัฒนาตลาดไทไปสู่การเป็นตลาด ?สีเขียว?
มร. เกรแฮมกล่าวว่า ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ตลาดไทได้เปิดออฟฟิศใหม่ เนื้อที่ 1,200 ตารางเมตรในตลาดไท เพื่อยกระดับการบริการให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อพัฒนาระบบและสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นด้วย เพื่อช่วยดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ
หากนับประเทศในเออีซีทั้งหมด ตลาดผักและผลไม้สดมีมูลค่ารวมกันประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศในเออีซีด้วยกัน รวมประมาณ 495,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับในประเทศไทย ประชากรวัยทำงานมากกว่า 40% ได้รับการจ้างงานโดยภาคการเกษตร ในขณะที่พื้นที่ประมาณ 131 ล้านไร่ จากพื้นที่รวมทั้งหมดของประเทศ 318 ล้านไร่ ก็เป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยผักและผลไม้สดมีมูลค่าส่งออกประมาณ 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 99,000 ล้านบาท ทำให้ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผักและผลไม้สดที่ใหญ่ติด 1 ใน 10 ของโลก
- ประเทศไทยผลิตผลไม้ได้ประมาณ 7,000,000 ตันต่อปี โดยส่งออกมากกว่า 2.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 89,000 ล้านบาท ผลไม้ที่ส่งออกมากที่สุด 3 ชนิด ได้แก่ สับปะรด ส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด รองลงมาคือลำไย คิดเป็นสัดส่วน 16% และทุเรียน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8% ผลไม้อื่นๆ ที่ส่งออก ได้แก่ มังคุด ลิ้นจี่ เงาะ มะม่วงและส้มโอ
- ประเทศไทยผลิตผักได้ประมาณ 3,300,000 ตันต่อปี ส่งออกประมาณ 249,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9,900 ล้านบาท โดยผักที่ส่งออกมากที่สุด ได้แก่ มันสำปะหลัง ถั่วแดง และหอมแดง ซึ่งประเทศที่เป็นลูกค้าหลักที่ซื้อผักของไทยได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา
ตลาดไทก่อตั้งในปี 2540 ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 450 ไร่ในย่านรังสิต เป็นสถานที่ทำมาค้าขายของประชาชนมากกว่า 100,000 คน และร้านค้า 3,000 ร้าน มีเงินหมุนเวียนประมาณ 500 ล้านบาท ต่อวัน ตลาดไทเป็นตลาดค้าส่งผักและผลไม้สดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และถือเป็นศูนย์กลางการค้าผักและผลไม้สดของประเทศ