กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,247 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,230 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 32.17 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,000 บาท กับ 19,100 บาท และกลับมาปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท
ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 978คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,565 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2.0 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 1.1% GFZ13 ปิด 18,860 บาท และ GFG13 ปิด 18,980 บาท GF10Z13 ปิดที่ 18,870 บาท GF10G13 ปิดที่ 19,970 บาท
สัญญา Comex ปิดลดลง 28.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,221.92 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 74.4 เซ็นต์ ที่ระดับ 19.289 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม อยู่ที่ 843.21 ตัน น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 93.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 77.64 จุด ปิดที่ 16,008.74 จุด
ข่าวที่สำคัญ
ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนัก 2.28% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการปรับตัวลดลงของราคาทองคำถือได้ว่าเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้น เดือนกรกฎาคมจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่ตลาดนั้นเชื่อว่าเฟด อาจปรับลดQE ในเร็วๆนี้
กลุ่มเทรดเดอร์ กล่าวว่า ข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ กระตุ้นให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนออกจากทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ทำให้ทองคำถูกกดันให้เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง
พันธบัตรรัฐบาลลดลง 0.5% และทองคำดิ่งลงหลังที่ตัวเลขการผลิตทั่วโลกออกมาแข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรปและจีนพร้อมทั้งค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น 0.3%ต้านค่าเงินสกุลอื่นๆ
เจฟฟรีย์ ซิก้าร์ ประธานสถาบันการลงทุน ซิการ์ เวลล์ เมเนจเม้น ระบุว่า ?นักลงทุนส่วนใหญ่ลดการถือครองทองคำลงโดยการทำ Short Selling?
จิม เวคคอฟให้ระดับแนวรับทองคำที่ 1,200 เหรียญและแนวต้านที่ระดับ 1,258.20 เหรียญ
นักวิเคราะห์ประจำสถาบันอิสลามิค โกล์ด กล่าวว่า ราคาทองคำยังคงล้มเหลวในการฝ่าระดับ 1,260 เหรียญ ซึ่งในเชิงเทคนิค แสดงให้เห็นว่าตลาดทองคำยังคงอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาลง"
ทางด้าน นาย อิเคมิซึ นักวิเคราะห์จาก แสตนดาร์ด แบงก์ กล่าวว่า หากราคาทองคำยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 1,240 เหรียญ โอกาสที่ราคาทองคำจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในปีนี้ยังมีไม่มากนัก
ยอดขายทองคำประเภทชิ้นเล็กและเหรียญของสหรัฐฯลดลง 27%จากการที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดนั้นจะลด QEลงในเร็วๆนี้จึงทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อลง
นักลงทุนทองคำเฝ้าจับตาดูการประชุมเฟดอีกครั้งในวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ว่าผลการประชุมนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เผยว่า ดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนพฤศจิกายนปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 57.3 จุด แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวของภาคการผลิตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ มาร์กิต เผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯประจำเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 10 เดือน แตะระดับ 54.7 จากเดิม 51.8 จุด แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
เบน เบอร์นันเก้ได้กล่าวเกี่ยวกับการวงแผนและเขียนรายงานเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ ทางเศรษฐกิจต่างๆเอาไว้หลังจากที่เขานั้นออกจากตำแหน่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยยังคงมองภาวะเศรษฐกิจในแบบระมัดระวังและเป็นไปในเชิงบวก
นักวิเคราะห์จาก อะนาไลติคส์ กล่าวว่า สิ่งที่ลำบากในการตัดสินใจของเฟดในช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัว คือ การรวบรวมข้อมูลเศรษฐกิจทั้งหมดที่จะสามารถบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันนั่นเอง
ผลสำรวจจากสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ (NRF) ระบุว่า ชาวอเมริกันมียอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าและ Black Friday ลดน้อยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยยอดค่าใช้จ่ายในช่วง 4 วันอยู่ที่ระดับ 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมในปีที่แล้วที่ระดับ 5.91 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากห้างค้าปลีกส่วนใหญ่ลดการให้โปรโมชั่นในช่วงเทศกาล และผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐฯอ่อนแอลง
ในสัปดาห์นี้ ข้อมูลสำคัญที่เฟดเฝ้ารอ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานประจำเดือนพฤศจิกายน ยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภค ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีภาคการผลิต และประมาณการ GDP ขั้นต้นประจำไตรมาสที่ 2/2556
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ ระบุว่า ทางบีโอเจไม่ได้จำกัดเวลาในการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแบบพิเศษ ซึ่งอาจส่งสัญญาณว่าอาจมีการใช้มาตรการต่อเนื่องนานกว่าปี 2557
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นเป็นเวลาหลายวันก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายหลังจากมีรายงานว่ายอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดน้อยลงในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากแรงซื้อจากนักลงทุนหลังดอลลาร์พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 103 เยนเมื่อคืนนี้
นักบริหารเงินคาดว่า ทิศทางค่าเงินบาทในวันนี้จะยังอ่อนค่าต่อ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 32.10 ? 32.45 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันทางการเมือง
สำนักข่าวต่างประเทศส่วนใหญ่ รายงานว่า เหตุวุ่นวายทางการเมืองในไทยยังยืดเยื้อหลังการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี กับแกนนำล้มเหลว ซึ่งสถานการณ์อาจทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หากไม่สามารถหาข้อยุติลงได้ในเร็ววัน
กลุ่มผู้ชุมนุมที่ราชดำเนินเตรียมตัวคาดว่าจะออกเดินทางไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในเวลา 08.30 น.
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน
- ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 56.4 ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 57.3
ตัวเลขที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้
- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ตลาด Comex และตัวเลข ISM Manufacturing PMI ดีขึ้นกว่าที่คาดอย่างมาก จากที่คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลง แต่ตัวเลขจริงกลับปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.3 ดีกว่าช่วงเดือนที่แล้วที่ระดับ 56.4 และค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยูโร มาอยู่ที่ระดับ 1.3534 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยเมื่อคืนนี้ SPDR ยังไม่ได้ทำการขายใดๆยังคงถือครองที่ 843.21 ตัน ราคาเมื่อวานร่วงหลุดลงทำจุดต่ำสุดประมาณ 1,219 เหรียญ และปิดตลาด Comex ที่ระดับ 1,221.9 เหรียญ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิคราคาทองคำยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยทะลุจุดต่ำสุดเดิมที่ระดับ 1,235 เหรียญ ทำให้โดยภาพรวมทางเทคนิคโอกาสที่ราคาทองคำจะไปทดสอบ 1,200 เหรียญ น่าจะมีสูงภายในอาทิตย์นี้ โดยแนวโน้มในระยะสั้นและกลางยังดูเป็นแนวโน้มขาลง แนวรับถัดไปที่ระดับ 1,200 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,240 เหรียญ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังคงแนะนำเป็นกลยุทธ์ในแนวโน้มขาลง นักลงทุนควรที่จะเก็งกำไรโดยการเปิด Short Position มากกว่า ในระยะสั้นๆ เข้าออกเร็วเพื่อลดแรงกดดันของค่าเงินบาทและทำกำไรเป็นช่วงๆ หาจังหวะขายเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้น
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ยังแนะนำให้ทำ Stop Loss ออกไป ซึ่งได้แนะนำให้ปิดสถานะมาโดยตลอดแล้ว
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ให้ซื้อกลับเพื่อทำกำไรเป็นช่วงๆ และเปิด Short เพิ่มขึ้นเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้น
Gold Futures Z13 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,640 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,840 บาท
Gold Futures G14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,760 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,960 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้นยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง