กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่่่่่่่่่น
พิธีเปิดโรงไฟฟ้าลมร้อนจัดขึ้น ณ โรงงานพุกร่างโดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการและชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนพนักงานของบริษัทเข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ได้ทำพิธีเปิด "โรงงานไฟฟ้าลมร้อน" ของบริษัท ซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ของโรงงานปูนซีเมนต์ อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอีกด้วย
นายโรเบอร์โต้ กัลลิเอรี และ นายนภดล รมยะรูป กรรมการผู้จัดการร่วมของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ได้ตัดริบบิ้นเพื่อเปิดตัวผลงานชิ้นล่าสุดของบริษัทและเพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เข้าใจถึงกรรมวิธีการผลิตไฟฟ้าจากลมร้อนที่มาจากกระบวนการเผาปูนเม็ดแทนที่จะปล่อยลมร้อนเหล่านี้ทิ้งออกไปสู่บรรยากาศ ก๊าซร้อนเหล่านี้จะนำมาใช้ในการผลิตไอน้ำในหม้อไอน้ำและส่งต่อไปยังกังหันไอน้ำเพื่อขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งกรรมวิธีการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวนี้จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตพลังงานลงตามหลักการของพลังงานทดแทน ในขณะที่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้เหลือน้อยที่สุด อันเป็นวิถีทางในการพัฒนาพลังงานสะอาดซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เป็นอย่างดี
สำหรับโรงไฟฟ้าขนาด 21 เมกกะวัตต์นี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 150 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปีโดยไม่ต้องใช้พลังงานฟอสซิล ซึ่งจะช่วยลดการก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 120,000 ตันต่อปี หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ทดแทนในพื้นที่ 150,000 ไร่
ในภาวการณ์ที่ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไทยเติบโตอย่างมากเช่นในปัจจุบัน ปูนซีเมนต์เอเซียยึดมั่นในความรับผิดชอบของบริษัทในฐานะผู้จัดหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมการก่อสร้างและหลังจากการเปิดตัวการสร้างตราสินค้าแบบ i.nova เมื่อเร็วๆ นี้ ปัจจุบันบริษัทกำลังเดินหน้าไปสู่ก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ตลาดในประเทศยังคงเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ ตลาดส่งออกที่บริษัทให้ความสนใจเป็นลำดับต้นๆ คือพม่าและกัมพูชา ด้านการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน บริษัทมองว่าการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นโอกาสที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เติบโตขึ้นและแสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจในเรื่องโอกาสการลงทุนในภูมิภาค
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าลมร้อนของบริษัทได้ให้การต้อนรับชาวบ้าน นักเรียน นิสิตนักศึกษา ครูอาจารย์ และข้าราชการที่อยู่ในตำบล พุกร่างและเขาวงเพื่อเยี่ยมชมอย่างน้อย 50 ครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา