กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 3 ปี ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (5) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) เป็น ?AA-(sf)? จาก ?A+(sf)? อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน คือ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท. หรือ ผู้ค้ำประกัน) ที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก ?A+? ด้วยแนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่? เป็น ?AA-? ด้วยแนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยทริสเรทติ้ง ซึ่ง บตท. เป็นผู้ค้ำประกันตราสารหนี้ดังกล่าวทั้งจำนวน ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังชุดแรกของ บตท. ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตซึ่งได้รับการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดย บตท. นอกจากนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวยังสะท้อนถึงการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. รวมถึงเงินกู้ยืมที่ บตท. ตกลงจะให้แก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่องของเอสพีวี และภาระของ บตท. ที่จะต้องซื้อคืนกองสินทรัพย์ที่ยังคงเหลืออยู่จากเอสพีวี ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ด้วย
บตท. หรือ ผู้ค้ำประกัน ก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้ พ.ร.ก. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท บตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สังกัดกระทรวงการคลัง มีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในการระดมทุน ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 บตท. มีเงินกองทุนอยู่ที่ 742.57 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงสามารถค้ำประกันหนี้ของ บตท. ได้ถึง 2,970.28 ล้านบาท โดย บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้และผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องของโครงการด้วย
เอสพีวี หรือ เป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและคาดว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ต่อไป ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 49.5% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48.99% และบุคคลธรรมดาซึ่งถือหุ้น 1.6% ในช่วงแรกของโครงการ เอสพีวีจะออกตราสารหนี้มูลค่า 900.08 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นจำนวน 660 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 240.08 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีประกันเสนอขายให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิถือโดย บตท. หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้ที่ไดัรับการจัดอันดับเครดิตและช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีประกัน ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (สินทรัพย์) จากผู้เสนอโครงการภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องระหว่าง บตท. และเอสพีวี
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2556 มูลค่าคงเหลือของหุ้นกู้มีประกันอยู่ที่ 620.77 ล้านบาท ในขณะที่กองสินเชื่อมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 745.67 ล้านบาทและอายุเฉลี่ยของลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยคงเหลืออยู่ที่ 19.97 ปี โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ถึงเดือนตุลาคม 2556 เอสพีวีได้รับชำระเงินค่างวดรายเดือนจากลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 189.58 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินต้นที่ได้รับชำระคืนตามกำหนดเวลาจำนวน 55.68 ล้านบาท ดอกเบี้ยจำนวน 49 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดจำนวน 84.90 ล้านบาท โดยจำนวนเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดคิดเป็นประมาณ 9.6% ของเงินต้นในตอนเริ่มต้นทั้งหมดจำนวน 886.22 ล้านบาท ในส่วนของหนี้ที่มีการผิดนัดชำระสุทธิอยู่ที่ 29.51 ล้านบาท หรือประมาณ 3.32% ของมูลค่าเงินต้นของกองสินทรัพย์ กระแสเงินสดที่ได้รับจากกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในแต่ละเดือนจะนำไปชำระคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันก่อน กระแสเงินสดที่เหลือจึงจะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ เนื่องจากเงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดมีค่อนข้างมาก ส่งผลให้เงินต้นคงเหลือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลดลงมากกว่าที่ประมาณการไว้ โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2556 มูลค่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิอยู่ที่ 136 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของมูลค่าหุ้นกู้รวมทั้งหมด เนื่องจากอัตราการชำระคืนหนี้เงินต้นก่อนกำหนดค่อนข้างสูง จึงทำให้สัดส่วนของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. ลดลงเหลือเพียง 18% จาก 26.67% ของหุ้นกู้ทั้งหมดในตอนเริ่มต้นโครงการ
บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (5) จำกัด (SPV-SMC (5))
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MBSB15DA: หุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น 620.77 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA-(sf)
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 136 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 ไม่มีอันดับเครดิต