กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวความพร้อมการเปิดให้บริการโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน ? เพชรเกษม) โดยมีนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหารจากบริษัทกรุงเทพธนาคม (เคที) บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอสซี) และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมในงาน
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างสถานีและระบบรถไฟฟ้าตามโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน- เพชรเกษม) ได้ดำเนินแล้วเสร็จอีก 2 สถานี คือ สถานีวุฒากาศ (S11) และสถานีบางหว้า (S12) เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดบริเวณบันไดขึ้นลงเท่านั้น จากก่อนหน้านี้กรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลมโดยไม่คิดค่าโดยสาร ไปแล้ว 2 สถานี คือ สถานีโพธินิมิตร และสถานีตลาดพลู ซึ่งจากการทดสอบของสถานีใหม่ทั้งสองแห่งพบว่ามีความพร้อมในการเดินรถแล้ว จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันที่ 5 ธันวาคม นี้ และเพื่อเป็นการทดลองให้บริการและประชาสัมพันธ์เส้นทางก่อนในระยะแรก กรุงเทพมหานครจะเปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าโดยสาร เป็นเวลา 1 เดือน จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2557 เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา จากนั้นจะเริ่มเก็บค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2557 เป็นต้นไป ในอัตรา 10 บาทตลอดเส้นทาง เช่นเดียวกับส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท
?เป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ โดยเฉพาะชาวฝั่งธนบุรี ที่กรุงเทพมหานครจะเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม) ครบทั้ง 4 สถานี ซึ่งเส้นทางใหม่นี้จะช่วยให้ชาวฝั่งธนบุรีเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางเมืองได้สะดวกมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถอีกต่อไป? ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าว
กรุงเทพมหานครได้เริ่มเปิดให้บริการรถไฟฟ้าโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม ระยะทาง 2.2 กม. ตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2552 และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ระยะทาง 5.25 กม. เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2554 จากนั้นได้ขยายเส้นทางให้บริการในส่วนต่อขยายสายสีลม (ตากสิน - เพชรเกษม) อีก 2 สถานี คือ สถานีโพธินิมิตร เปิดบริการเมื่อ 12 มกราคม 2556 เป็นต้นมาที่สถานีโพธินิมิตร จากนั้นเปิดให้บริการที่สถานีตลาดพลู (S10) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 โดยทั้ง 2 สถานีมีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 20,000 คน/เที่ยว/วัน ส่วนวันที่ 5 ธันวาคมนี้ จะเปิดเพิ่มอีก 2 สถานีคือ สถานีวุฒากาศ (S11) และสถานีบางหว้า (S12) รวมเป็นระยะทาง 7.5 กม. และคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการสูงถึง 70,000 เที่ยว/วัน หลังเปิดให้บริการครบทั้ง 4 สถานีดังกล่าว นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้โดยสาร กรุงเทพมหานครยังได้ติดตั้งกล้อง CCTV โดยรอบสถานี รวมจำนวน 64 ตัว พร้อมทั้งติดตั้งลิฟต์โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการและผู้สูงอายุในทุกสถานีอีกด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า กรุงเทพมหานครยังมีแนวคิดที่จะพัฒนารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสถานีบางหว้าไปจนถึงสถานีตลิ่งชัน รวมจำนวน 6 สถานี งบประมาณในการก่อสร้าง 11,000 ล้านบาท เพื่อให้ชาวกรุงเทพฯ ในฝั่งธนบุรี สามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพมหานครได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562
นอกจากจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแล้ว กรุงเทพมหานครได้เตรียมประสานกรมเจ้าท่า เพื่อเปิดให้บริการเดินเรือโดยสาร ในคลองภาษีเจริญ ระยะทาง 11.5 กิโลเมตรอีกด้วย ซึ่งการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าและเรือโดยสารดังกล่าว จะสามารถตอบสนองความต้องการในการเดินทางของพี่น้องประชาชนได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อาศัยอยู่ในฝั่งธนบุรีจะสามารถเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้าเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประหยัดและปลอดภัย