กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) แถลงว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เซเปียนเซน้ำน้อย กำลังผลิต 410 เมกะวัตต์ ในสปป. ลาว จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างปลายปีนี้ หลังจากการจัดหาผู้ดำเนินงานด้านวิศวกรรมและก่อสร้างโครงการ และการจัดหาเงินกู้ยืมเพื่อพัฒนาโครงการได้สำเร็จ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย มีมูลค่า 32,000 ล้านบาท ดำเนินการโดยบริษัท ไฟฟ้าเซเปียน เซน้ำน้อย จำกัด ซึ่งราชบุรีโฮลดิ้งถือหุ้น ร้อยละ 25
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการการเซเปียนเซน้ำน้อย ได้เดินหน้ามาถึงขั้นตอนการก่อสร้างโครงการแล้ว หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้จำนวน 22,134 ล้านบาท และจัดหาผู้รับผิดชอบงานด้านวิศกรรมและก่อสร้างโครงการ การก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการได้ปลายปีนี้และจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี โดยมีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปี 2561 สำหรับไฟฟ้าที่ผลิตได้ประมาณร้อยละ 90 ของกำลังผลิตติดตั้ง หรือประมาณ 370 เมกะวัตต์จะจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 27 ปี ส่วนที่เหลือจะขายให้กับการไฟฟ้าลาว เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าและรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้นของทั้งสองประเทศ
?โครงการนี้มีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านบาท การพัฒนาโครงการจะใช้เงินทุนจากผู้ถือหุ้นประมาณ 9,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนทุนของบริษัทฯ ประมาณ 2,400 ล้านบาท จำนวนที่เหลือจะมาจากเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ส่วนการก่อสร้างโครงการมีบริษัท SK Engineering and Construction เป็นผู้ดำเนินการ หากการพัฒนาและก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จตามกำหนด กระแสไฟฟ้าจะส่งผ่านระบบสายส่ง 500 กิโลโวลต์ไปยังสถานีไฟฟ้าย่อยอุบลราชธานี เพื่อเสริมระบบไฟฟ้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น? นายพงษ์ดิษฐ กล่าวเพิ่มเติม
โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย กำลังผลิต 410 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่แขวงอัตตะปือ และแขวงจำปาสัก ประเทศ สปป. ลาว พัฒนาโครงการโดยบริษัท ไฟฟ้าเซเปียน เซน้ำน้อย จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างราชบุรีโฮลดิ้ง (ถือหุ้นร้อยละ 25) บริษัท SK Engineering and Construction (ร้อยละ 26) บริษัท Korea Western Power (ร้อยละ 25) และรัฐวิสาหกิจถือหุ้นลาว (ร้อยละ 24) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 บริษัท ไฟฟ้าเซเปียน เซน้ำน้อย จำกัด ได้ลงนามสัญญาเงินกู้มูลค่า 22,134 ล้านบาท (ประมาณ 714 ล้านเหรียญสหรัฐ) กับสถาบันการเงินไทย 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาติ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ได้ลงนามสัญญาจัดจ้างบริษัท SK Engineering and Construction เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการให้สำเร็จตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้