กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--มั่นคงเคหะการ
เผยรายได้และกำไรสุทธิรวม 3 ไตรมาสของปี 2556 2,020.14 ล้านบาท สูงกว่าปี 2555 ทั้งปี ยังคงเดินหน้าสู่เป้าที่วางไว้ 3,000 ล้านบาท โชว์ความแข็งแกร่งทางการเงิน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.33 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/2556 ส่วนอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 15.23% สูงกว่าเท่าตัวจากค่า median ของอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยที่ระดับ 7.84%
นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายบัญชี-การเงิน บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาโครงการ ?ชวนชื่น? และ ?สิรีนเฮ้าส์? เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการขายและบริการสำหรับช่วง 9 เดือน จำนวน 2,020.14 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 60.66% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้ 1,257.39 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสูงกว่ารายได้จากทั้งปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 1,724.24 ล้านบาท ถึง 17.16% โดยผลประกอบการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส สำหรับไตรมาส 3/2556 นั้น บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการจำนวนถึง 737.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.92% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มสูงขึ้น 5.94% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 695.92 ล้านบาท โดยคาดว่า รายได้ในไตรมาส4/2556 จะเป็นรายได้สูงที่สุดของปี เพื่อเข้าสู่เป้าหมายที่วางไว้คือ 3,000 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 74% โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/56 มี ยอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้ว 628 ล้านบาท และคาดหวังรายได้จากการขายใหม่ในอีก 3 เดือนที่เหลือในปีนี้อีกประมาณ 352 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการต่างๆ ที่มีสินค้าพร้อมขายรวม 16 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่โซนเหนือมูลค่า 755 ล้านบาท จากจำนวน 5 โครงการที่เปิดการขายอยู่โซนตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 โครงการเปิดการขาย มูลค่าคงเหลือ 500 ล้านบาท โซนตะวันตกมีจำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,153 ล้านบาท โซนตะวันออกมีจำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่า 659 ล้านบาท โซนใต้ มีจำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 216 ล้านบาท และโซนใจกลางเมือง จำนวน 1 โครงการ มูลค่าคงเหลือ 1,600 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทมีโครงการที่แล้วเสร็จสมบูรณ์จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการเด็น วิภาวดี โครงการชวนชื่นมารีน่า โครงการสิรีนเฮาส์ บางนา โครงการเรสซิเด้นซ์พาร์ค และโครงการชวนชื่นประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้ อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการชวนชื่น พระราม 7 ? สิรินธร บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ระดับราคา 3.7-5.5 ล้านบาท บนเนื้อที่ 12 ไร่ จำนวนทั้งหมด 74 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 312 ล้านบาท และ โครงการลีออง สุขุมวิท 62 เป็นรูปแบบทาวน์โฮม 3 ชั้น ในราคาตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป บนเนื้อที่ 6 ไร่ จำนวนทั้งหมด 58 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 430 ล้านบาท
ในส่วนของ กลยุทธ์ด้านการตลาด บริษัทฯ ได้เน้นการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายตลาดตลอดทั้งปี พร้อมด้วยการเพิ่มช่องทางการสื่อสารไปยังผู้บริโภคโดยตรง เช่น สื่อบิลบอร์ด และสื่อออนไลน์ นอกจากนี้ ความพึงพอใจของลูกค้าเดิมต่อสินค้าและบริการของบริษัทฯยังเป็นสิ่งที่ชักนำให้เกิดการซื้อของลูกค้าใหม่กว่า36%
สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯได้ทำอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้มีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่เพิ่มเพื่อให้เกิดความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบดีไซน์ใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ได้แก่ แบบบ้าน ทวิมน ทวินันท์ ชลิดา ที่เล่นสีสันแปลกตา รวมถึงทาวน์โฮมสไตล์วินเทจ แบบใหม่ในโครงการชวนชื่นจรัญฯ 3 และลีออง ที่หรูหราด้วยบัวและเหล็กประดับ wrought iron
ด้านการเงิน แม้ว่าในปีนี้ อัตราส่วนกำไรเบื้องต้นของบริษัทฯจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 34% ซึ่งใกล้เคียงกับค่า median ของอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย อันเนื่องจากการรับรู้รายได้จาก คอนโดมิเนียมที่มีกำไรเบื้องต้นต่ำกว่าบ้านแนวราบ แต่บริษัทฯก็มีอัตราส่วนกำไรสุทธิที่สูงถึง 15.23% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีค่า median 7.84% และค่าเฉลี่ย 2.57% อยู่มาก และบริษัทฯก็ยังคงรักษาความโดดเด่นในการรักษาความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน เห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.33 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/2556 ในขณะที่ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าเฉลี่ยของ D/E อยู่ในระดับ 2.57
สำหรับเป้าหมายในปี 2557 ภายใต้การตลาดคอนโดมิเนียมที่ค่อนข้างอิ่มตัว และภาวะเศรษฐกิจที่ยังถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบ บริษัทฯตั้งเป้ารายได้หลักจากยอดขายโครงการแนวราบ โดยมีเป้ารายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท โดยจะมาจากการขายโครงการเดิม 59% โครงการที่เปิดใหม่ในปี56อีก 32% และจากโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีหน้าอีก 6% รวมถึงรายได้จากธุรกิจบริการอีก 3%