กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--บีโอไอ
บีโอไอ สานสัมพันธ์การค้า-การลงทุนไทย-จีน ร่วมกับนักธุรกิจชั้นนำของไทยเดินทาง ชักจูงการลงทุน ในมณฑลกวางตุ้ง พร้อมสัมมนาร่วม CCPIT ของจีน เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ไอซีที และเกษตร
นายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน( BOI) เปิดเผยว่า การเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศจีนระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ — 2 มีนาคม 2548 ที่ผ่านมา โดยการนำของ รองนายกรัฐมนตรี ดร. วิษณุ เครืองาม พร้อมกับสภาธุรกิจไทย-จีน และคณะ นักธุรกิจไทยชั้นนำ กว่า 100 คน อาทิ นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ บริษัท ที. ซี. ซี. กรุ๊ป นายไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น จำกัด เป็นต้น เพื่อไปขยายโอกาสและความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุน ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลหลักทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยการเดินทางครั้งนี้ บีโอไอร่วมกับหน่วยงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนของจีน (CCPIT : China Council for Promotion of International Trade) ได้จัดสัมมนาเกี่ยวกับโอกาส และลู่ทางการค้า การลงทุนระหว่างไทยและจีน ณ เมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ที่จะให้นักธุรกิจได้รับทราบและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านธุรกิจ ตลอดจน บรรยากาศการค้าการลงทุนโดยรวม ทั้งในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีคณะนักธุรกิจจีนและไทย กว่า 300 คน เข้าร่วมการสัมมนา อีกทั้งจัดให้มีการจับคู่เจรจาธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสารโทรคมนาคม ( ICT ) สิ่งทอ และอุตสาหกรรมการเกษตร
มณฑลกวางตุ้งจัดเป็นมณฑลหนึ่งของจีนที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 28.4 ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จึงถือเป็นตัวจักรสำคัญในการที่ไทยจะเข้ามาสร้างเครือข่ายรองรับทั้งจากไทยไปจีนและจากจีนมายังประเทศไทย
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวด้วยว่า นอกจากการเชื่อมโยงธุรกิจและชักจูงการลงทุนแล้ว การเดินทางมายังมณฑลกวางตุ้งในครั้งนี้ เป็นการติดตามเพื่อต่อยอดประสานการลงทุนระหว่าง ไทย-จีน ตามบันทึกความร่วมมือ (MOU)ระหว่างบีโอไอ กับ CCPIT ที่จัดทำเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้ง ได้เข้าเยี่ยมชมกิจการของ 2 บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำขนาดใหญ่ของประเทศจีน คือ บริษัทหัวเหว่ย เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัท ZTE จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรม ณ เมืองเซิ่นเจิ้น อีกด้วย
“ สิ่งที่น่าสนใจ คือ บริษัทชั้นนำด้านไอซีทีทั้งสองแห่ง ต่างให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเป็นอย่างมาก จากจำนวนพนักงานที่มีมากกว่า 20,000 คนในแต่ละบริษัท จะมีจำนวนพนักงาน ที่ทำงานด้านวิจัยและพัฒนาเกือบครึ่ง คือประมาณร้อยละ 32-48 ของพนักงานทั้งหมด ” เลขาธิการบีโอไอ กล่าว--จบ--