กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ก.ล.ต.
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้สั่งให้บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“PICNI”) แก้ไขงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2547 โดยจัดทำงบการเงินรวมกับโรงบรรจุแก๊ส 10 แห่ง เนื่องจากมี
พฤติกรรมในลักษณะที่ PICNI มีอำนาจควบคุมโรงบรรจุแก๊สดังกล่าว และให้ PICNI พิจารณาค่าความนิยมที่เกิดจากการซื้อบริษัทย่อยที่ซื้อมาในปี 2547 โดยให้นำส่งงบการเงินที่แก้ไขและผ่านการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2548 ซึ่ง PICNI ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้มีอำนาจควบคุมโรงบรรจุแก๊ส จึงมีความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องจัดทำงบการเงินรวม สำหรับค่าความนิยมที่แสดงในบัญชี
PICNI ก็มีความเห็นว่ายังไม่สมควรมีการด้อยค่า
ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพิ่มเติมแล้ว พบว่า โรงบรรจุแก๊สหลายแห่งมีความสัมพันธ์กับ PICNI ใกล้ชิดเป็นพิเศษ โดยบางแห่งผู้ที่ถือหุ้นทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดเป็นพนักงานในบริษัท ยูเนียนแก๊ส แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด ซึ่งเป็นของครอบครัวผู้บริหาร PICNI และบางแห่งผู้ที่เป็นกรรมการ และผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ก็เป็นพนักงานในบริษัทดังกล่าวด้วย
การที่ PICNI ทำธุรกิจกับโรงบรรจุแก๊สเหล่านี้มีประเด็นพิจารณา ดังนี้
(ก) ได้มีการเปลี่ยนวิธีการให้โรงบรรจุแก๊สใช้ถังแก๊ส จากเดิมที่โรงบรรจุแก๊สเคยจ่ายเพียงค่ามัดจำถังแก่ PICNI และสามารถใช้ประโยชน์จากถังแก๊สได้โดยไม่มีกำหนดเวลา เปลี่ยนเป็นให้โรงบรรจุแก๊สทำสัญญาเช่าถัง 3 ปี แต่ยังคงจ่ายค่าเช่ารวมเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับเงินค่ามัดจำเดิม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าว ทำให้โรงบรรจุแก๊สต้องบันทึกค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่าย ในขณะที่ PICNI สามารถบันทึกค่าเช่าเป็นรายได้ในจำนวนเงินเท่ากันคือ 178 ล้านบาทในปี 2547
(ข) ผู้บริหารของ PICNI รายหนึ่งมีการจ่ายเงินเข้าบัญชีของโรงบรรจุแก๊สในระหว่างปี 2547 เป็นจำนวนมาก โดยบางรายการเป็นการจ่ายให้แก่โรงบรรจุแก๊สเพื่อนำไปจ่ายค่าเช่าถังแก่ PICNI
(ค) PICNI ขายแก๊สให้แก่โรงบรรจุแก๊สที่มีความใกล้ชิดเป็นพิเศษนี้ในราคาขายต่อหน่วยที่สูงกว่าราคา ที่ขายให้แก่โรงบรรจุแก๊สอื่น โดยโรงบรรจุแก๊สเหล่านี้ซื้อแก๊สเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,700 ล้านบาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 48 ของยอดขายแก๊สของ PICNI
ก.ล.ต. พิจารณาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และคำชี้แจงของ PICNI แล้ว จึงสั่งการดังนี้
1. ให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) รายการทั้งหมดที่ PICNI ทำกับโรงบรรจุแก๊ส 10 แห่งดังกล่าวรวมทั้งแห่งอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า การแสดงข้อมูลในงบการเงิน PICNI เป็นไปโดยถูกต้อง ไม่เกิดความคลุมเครือไม่ชัดเจนและกระทบต่อการตัดสิน
ในการลงทุนของผู้ลงทุน พร้อมทั้งขอให้คณะกรรมการตรวจสอบของ PICNI ทุกท่านช่วยดูแลประเด็นนี้ให้รอบคอบด้วย
2. เนื่องจากเนื้อหาของการให้เช่าถังแก๊สตามสัญญาเช่าไม่ต่างจากการที่ PICNI รับเงินมัดจำค่าถังในอดีต ซึ่งเมื่อครบ 3 ปี แล้ว PICNI ยังคงให้โรงบรรจุแก๊สใช้ถังได้ต่อไปโดยไม่เก็บค่าเช่า จึงให้ PICNI แก้ไขงบการเงินปี 2547 โดยบันทึกการให้เช่าถังแก๊สเหมือนเงินมัดจำตามเดิม
สำหรับผลกระทบต่อกำไรปี 2547 ของ PICNI นั้น จะลดลงทันทีประมาณ 178 ล้านบาทจากการ
ปรับปรุงรายการค่าเช่า และผลกระทบอาจมีมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบพิเศษของ
ผู้สอบบัญชี ทั้งนี้ ให้ PICNI นำส่งรายงานการตรวจสอบกรณีพิเศษตามข้อ 1 และงบการเงินปี
2547 ที่แก้ไขตามข้อ 1 (หากมี) และข้อ 2 ภายใน 45 วัน (27 มิถุนายน 2548) และในการเผยแพร่งบการเงินปี 2547 ต้องเผยแพร่รายงานการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ผู้ลงทุน ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
3. สำหรับเรื่องค่าความนิยมที่เกิดจากการซื้อบริษัทย่อย 2 แห่ง ในปี 2547 มูลค่า 1,049 ล้านบาท นั้น เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังวันที่ซื้อบางประการที่แสดงว่าเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามสมมติฐาน
ที่ทำไว้ก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ความสามารถในการทำกำไรจากธุรกิจปกติ และการควบคุมต้นทุน
ดังนั้น จึงให้ PICNI จัดให้มีที่ปรึกษาทางการเงินรายใหม่จัดทำประมาณการมูลค่าของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่งอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ หากปรากฏว่า มูลค่าที่ประมาณการใหม่น้อยกว่ามูลค่าที่บันทึกบัญชีอยู่อย่างมีนัยสำคัญ PICNI ก็จะต้องบันทึกบัญชีด้อยค่าสำหรับค่าความนิยมดังกล่าวในงบการเงินงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2548
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ผ่อนผันการส่งงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548 ให้ PICNI โดยให้จัดส่งภายใน 45 วัน (27 มิถุนายน 2548)--จบ--