กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้ง กล่าววันนี้ว่า อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทประกาศซื้อโครงการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศอินโดนีเซียจากบริษัทในเครือ Hess Corporation (Hess)
ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า PTTEP เข้าร่วมกับ PT Pertamina ในสัดส่วน 50:50 เพื่อซื้อบริษัทย่อยของ Hess ซึ่งถือสัดส่วน 75% ในโครงการ Pangkah และ 23% ในโครงการ Natuna Sea A นอกชายฝั่งประเทศอินโดนีเซีย โดยการลงทุนในครั้งนี้มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสัดส่วนของ PTTEP ประมาณ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าการลงทุนในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557
อย่างไรก็ตาม การลงทุนนี้จะเสร็จสิ้นเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreements -- SPAs)ปัจจุบันโครงการ Pangkah สามารถผลิตน้ำมันได้ประมาณ 7,000 บาร์เรลต่อวัน และมีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 33 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmscfd) โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียม 2P (Proved and Probable Reserves) จำนวน 110 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (mmboe) สำหรับโครงการ Natuna Sea A นั้นมีปริมาณการผลิตน้ำมันประมาณ 2,350 บาร์เรลต่อวัน และผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 220 mmscfd โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียม 2P จำนวน 209 mmboe
ทริสเรทติ้งมองว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ PTTEP ที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากปัจจุบันที่ประมาณ 300,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (boed) เป็น 600,000 boed ในปี 2563 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าเมื่อธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ ปริมาณการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4%-5% ในปี 2557 นอกจากนี้ ยังคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม 2P ให้กับบริษัทประมาณ 65 mmboe โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 บริษัทมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserves) จำนวน 901 mmboe
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การทำธุรกรรมดังกล่าวมีผลกระทบต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพียงเล็กน้อยและสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังอยู่ในประมาณการของทริสเรทติ้ง เนื่องจาก PTTEP จะใช้เงินสดที่มีอยู่ (2,590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556) เพื่อลงทุนในครั้งนี้ โดยโครงการดังกล่าวอยู่ในระยะผลิตปิโตรเลียมแล้วจึงคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดกลับมายังบริษัทได้ในทันที โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทและอัตรากำไร (EBITDA margin) ณ ระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมี EBITDA ประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
PTTEP เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย ณ เดือนสิงหาคม 2556 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติมีสัดส่วนการถือหุ้นใน ปตท.สผ. จำนวน 65.3%
ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ PTTEP ที่ระดับ ?AAA? ในขณะที่จัดอันดับเครดิต
หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่?