กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ที่ ‘A+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
สถานะความเป็นผู้นำ: อันดับเครดิตของ BAFS สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในการให้บริการน้ำมันอากาศยานในประเทศไทย โดย BAFS เป็นผู้ให้บริการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Depot Service) และเครือข่ายท่อจ่ายน้ำมันอากาศยาน (Hydrant Pipeline Network) แต่เพียงรายเดียว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้ให้บริการหลักในส่วนของบริการเติมน้ำมันอากาศยาน (Into-Plane Fuelling Service) ณ ท่าอากาศยานดังกล่าว โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในการเติมน้ำมันอากาศยานประมาณร้อยละ 87 BAFS อยู่ในธุรกิจที่มีสภาพการแข่งขันที่ต่ำและได้รับประโยชน์จากอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่สูงของผู้บริการรายใหม่ เช่น ผู้ให้บริการต้องได้รับการอนุญาตจากท่าอากาศยานนั้นๆ จึงจะให้บริการได้
ความต้องการใช้บริการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง: ฟิทช์คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2557 - 2558 ด้วยแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและภูมิภาค นอกจากนี้ BAFS ยังเป็นผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยานแต่เพียงรายเดียว ณ ท่าอากาศยานดอนเมืองอีกด้วย ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่มีการย้ายฐานปฏิบัติการของสายการบินต้นทุนต่ำจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองในเดือนตุลาคม 2555 นอกจากนี้ ท่าอากาศยานดอนเมืองมีแผนที่จะขยายความสามารถในการให้บริการเพื่อให้เป็นท่าอากาศยานภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย โดยโครงการระยะแรกได้แก่การปรับปรุงและเปิดดำเนินการอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเดิมที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ปี 2557
ความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาน้ำมันที่จำกัด: BAFS ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจาก BAFS จะเรียกเก็บเฉพาะค่าบริการเติมน้ำมันจากบริษัทน้ำมันเท่านั้น (โดยบริษัทน้ำมันเป็นผู้ขายน้ำมันให้แก่สายการบิน) นอกจากนี้ ต้นทุนหลักของ BAFS เป็นค่าสัมปทานซึ่งเป็นอัตราที่ตกลงกันก่อนตามสัญญา ทำให้อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรของ BAFS ค่อนข้างคงที่
อัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำ: อัตราส่วนทางการเงินที่แข็งแกร่งในปัจจุบันของ BAFS ทำให้ BAFS มีความสามารถในการรองรับแผนการลงทุนใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยที่ยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้ ฟิทช์คาดว่า BAFS น่าจะยังคงสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (Funds Flow from Operations – Adjusted Net Leverage) ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.0 เท่าได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายการลงทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครือข่ายท่อจ่ายน้ำมันอากาศยานในส่วนต่อขยายของท่าอากาศยานสุวรรรภูมิก็ตาม
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- การเพิ่มขึ้นของขนาดธุรกิจและระดับการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจของ BAFS (ซึ่งไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างมากภายใน12-18 เดือนข้างหน้า)
ปัจจัยลบ:
การลงทุนจำนวนมากกว่าที่คาดโดยใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุน และการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน เพิ่มสูงขึ้นเกิน 2.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง