กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--มูลนิธิไทยคม
มูลนิธิไทยคม เดินหน้าพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างต่อเนื่อง จากระดับท้องถิ่นรากหญ้าถึงระดับประเทศ โดยเริ่มจัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชนท้องถิ่นทางภาคเหนือเมื่อปี 2009-2012 และจัดต่อเนื่องเป็นปีที่5 กับโครงการ ‘Thaicom Foundation Junior Football Festival 2013’ ในปีนี้ ความพิเศษคือเพิ่มสนามแข่งขันในภาคอีสานเพื่อเปิดโอกาสให้กับนักฟุตบอลเยาวชนท้องถิ่นได้แสดงศักยภาพในด้านกีฬาฟุตบอลและนำประสบการณ์จากเกมการแข่งขันมาสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาตนเอง โดยเริ่มจัดแข่งขันครั้งแรก ณ สนามเวสสุวัณ จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2556 และจัดต่อเนื่องที่ภาคเหนือ ณ สนามเชียงใหม่ อารีน่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ระหว่างวันที่14-15 ธันวาคม 2556 จากการควบคุมและฝึกสอนโดยครูพละที่ผ่านการอบรมโค้ชพื้นฐาน (T Licence) จากมูลนิธิไทยคม ในจังหวัดอุดรธานี นำทีมเข้าร่วมแข่งขันกว่า 35 ทีม
ด้วยวิสัยทัศน์ของ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพทางกีฬาฟุตบอลของเยาวชน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งส่งเสริม
และพัฒนาผู้ฝึกสอนให้มีความรู้และความเข้าใจการเป็นโค้ชฟุตบอลขั้นพื้นฐานอย่างมีมาตรฐาน มูลนิธิไทยคมจึงได้จัดการแข่งขัน ‘Thaicom Foundation Junior Football Festival 2013’ โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 รุ่น คือรุ่นอายุ 12 ปี 14 ปีและ 16 ปี ให้กับเยาวชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมทีมของครูพละที่ผ่านการอบรม T Licence ในรุ่นที่ 4 ประจำปี 2556 เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 35 ทีม โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาจัดการแข่งขันที่สนามเวสสุวัณ จ.อุดรธานี เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักฟุตบอลระดับเยาวชนในภาคอีสานได้แสดงศักยภาพในด้านกีฬาฟุตบอลและนำประสบการณ์จากเกมการแข่งขันมาสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
บพิธ โกมลภิส ผู้อำนวยการโครงการมูลนิธิไทยคม กล่าวว่า “การจัดแข่งขันฟุตบอล‘Thaicom Foundation Junior Football Festival 2013’ มีจุดเริ่มต้นจากความตั้งใจในการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาฟุตบอลให้แก่เยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าบุคลากรที่สำคัญที่สุดในการผลักดันให้เยาวชนสนใจพัฒนาตนเองในส่วนของกีฬาฟุตบอลก็คือโค้ชในโรงเรียนหรือครูพละ มูลนิธิฯจึงได้ปรึกษากับอาจารย์ชาญวิทย์ ผลชีวิน รองอธิบดีกรมพลศึกษาและน.ท.ปิยะกุล แก้วน้ำค้าง อดีตผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลทีมชาติไทย(หญิง รุ่น 19 ปี) และได้จัดให้มีการอบรมโค้ชพื้นฐาน (T Licence ) โดยนำหลักสูตรจากสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC)มาอบรมให้กับครูพละจากทั่วประเทศ เพื่อให้คุณครูนำความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติมาถ่ายทอดให้กับเด็กนักเรียนอย่างถูกวิธี ซึ่งนอกจากคุณครูจะได้รับประโยชน์แล้วสิ่งสำคัญคือสามารถสร้างความภาคภูมิใจแก่ตัวเด็กเองที่ได้ฝึกซ้อมกับโค้ชที่มีมาตรฐาน และถ้าดูจากข้อมูลของวงการฟุตบอลเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี มีจำนวนผู้ที่ผ่านการอบรมโค้ชระดับมืออาชีพ (C Licence) ทั่วประเทศว่า 40,000 คน ในขณะที่ประเทศไทยมีเพียง 3,000 คนเท่านั้น ในปัจจุบันเรามีคุณครูที่ผ่านการอบรมโค้ชพื้นฐาน (T Licence) ไปแล้ว 5 รุ่น รวม 282 คน คาดได้ว่าจะมีนักเรียนกว่า 30,000 คนที่คุณครูเหล่านี้ดูแลอยู่และจะได้รับประโยชน์จากการอบรม ด้วยเหตุนี้ทางมูลนิธิฯจึงได้ต่อยอดในการจัดอบรมโค้ชระดับมืออาชีพ (C Licence) ซึ่งเป็นหลักสูตรต่อเนื่องจากการอบรมโค้ชพื้นฐาน (T Licence) จนสามารถผลิตโค้ชมืออาชีพ
(C Licence) ได้อย่างน้อย 30 คนในระยะเวลาเพียงไม่นาน จากผลสำเร็จในการอบรมครูนี้ เรายังมีกิจกรรมรองรับต่ออีก แต่ขยายไปยังเยาวชน คือการแข่งขัน “Thaicom Foundation Junior Football Festival” เพื่อให้คุณครูที่ผ่านการอบรมกลับไปสอนเด็กตามมาตรฐานการ Coaching ที่ได้อบรมมา คือนำไปปฏิบัติจริงกับทีมของโรงเรียน และส่งทีมเหล่านั้นกลับเข้ามาแข่งขันประลองฝีมือภายใต้มาตรฐานเดียวกัน และตลอดหลายปีที่จัดการแข่งขันที่เชียงใหม่ ทำให้มูลนิธิได้แนวคิดในการขยายความพิเศษในการจัดแข่งขันฟุตบอลท้องถิ่นให้กระจายโอกาสออกไปอีกด้วยการเพิ่มสนามแข่งขันในภาคอีสาน โดยเริ่มจัดแข่งขันครั้งแรก ณ สนามเวสสุวัณ จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2556 และยังคงจัดต่อเนื่องที่ภาคเหนือ ณ สนามเชียงใหม่ อารีน่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-15 ธันวาคม 2556 และหนึ่งในตัวอย่างของผลสำเร็จในโครงการนี้ก็คือ ด.ช.มาณุพงศ์ อุปมายันต์ อายุ13 ปี ที่ได้รับการเซ็นสัญญาให้เข้า Academy ของสโมสรอ่างทอง FC
มูลนิธิไทยคม องค์กรการกุศลที่มุ่งเน้น ให้โอกาส สร้างอนาคต เพื่อสนับสนุนเยาวชนไทย ‘คิดเป็น ทำเป็น’ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก จัดแข่งขันฟุตบอลเยาวชน ‘Thaicom Foundation Junior Football Festival 2013’ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีส่วนในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างต่อเนื่อง และหวังให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการผลักดันวงการฟุตบอลของไทยก้าวสู่ระดับโลกต่อไป