8 เคล็ดลับดูแลยาง ช่วยประหยัดน้ำมัน - ใช้ได้นาน

ข่าวยานยนต์ Wednesday December 11, 2013 15:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ปัจจุบันมีนวัตกรรมรถยนต์และยางรถยนต์ประหยัดน้ำมันจากหลากหลายค่ายผู้ผลิต ที่ชูเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ายานพาหนะเลยก็คือ พฤติกรรมของผู้ขับขี่ ไม่ว่าเราจะขับรถรุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ก็สามารถช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายๆ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าน้ำมัน และช่วยให้ยางรถยนต์ใช้ได้นาน ลดการสึกของดอกยางก่อนเวลาอันควร และไม่ต้องเปลี่ยนยางบ่อยๆ อีกด้วย ซึ่งต่อไปนี้คือเทคนิคง่ายๆ จากกู๊ดเยียร์ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ 1. ขับรถให้ช้าลง: ระดับความเร็วที่เหมาะสมและช่วยประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดควรอยู่ที่ระหว่าง 50 – 70 กม./ชม. เคล็ดลับที่ง่ายที่สุดในการประหยัดน้ำมันก็คือ ลดความเร็วและขับขี่ตามอัตราความเร็วที่กำหนดไว้บนถนน 2. หลีกเลี่ยงการขับรถแบบกระโชกโฮกฮาก (aggressive driving): ค่อยๆเร่งเครื่องและเปลี่ยนเกียร์อย่างช้าๆ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 20% ทั้งยังช่วยลดการสึกหรอของยางอีกด้วย สำหรับทริปการเดินทางไกล ควรใช้ระบบ cruise control เพื่อคงระดับความเร็วให้คงที่ 3. อย่าใช้รถยนต์เป็นห้องเก็บของ: รถยนต์ที่บรรทุกน้ำหนักเพิ่มขึ้นทุกๆ 50 กิโลกรัมจะกินน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 1-2% ดังนั้น ย้ายสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถเพื่อลดปริมาณการเผาผลาญเชื้อเพลิง และลดการสึกหรอที่ไม่จำเป็นของยาง 4. หมั่นตรวจเช็คความดันลมเป็นประจำทุกเดือน: ลมยางที่ไม่มากไป ไม่น้อยไปจะช่วยให้การใช้น้ำมันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลมยางอ่อนจะทำให้มีการสึกหรอของดอกยางบริเวณขอบด้านนอก (หรือไหล่ยาง) เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความร้อนอันเป็นสาเหตุให้ความทนทานของยางลดลง และยังทำให้รถมีการกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุล ทำให้ยางได้รับความเสียหายเร็วขึ้นและสึกหรอมากขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานของยางลดลง 5. ปรับถ่วงล้อยางให้สมดุลตลอดเวลา: ควรปรับสมดุลของยางอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทันทีที่มีอาการสั่นของล้อหรือพวงมาลัย ยางที่ไม่ได้ปรับถ่วงสมดุลจะทำให้รถสั่นขณะวิ่งบนท้องถนน และผู้ขับขี่จะเกิดความเมื่อยล้าในการบังคับรถ และทำให้ยางสึกกร่อนก่อนเวลาอันควร การปรับถ่วงสมดุลให้แก่ยางและรถจะทำให้ยางสามารถใช้งานได้นานขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น และให้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นอีกด้วย 6. หมั่นตรวจสอบยางอยู่เสมอ: เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเศษหินหรือสิ่งแหลมคมติดอยู่ ที่อาจเป็นสาเหตุของรูรั่ว ถึงแม้รูบนหน้ายางจะไม่ลึกพอที่จะทำให้ยางแบนทันที แต่อาจทำให้ยางมีรอยแตกหรือเป็น ร่องบุ๋ม ส่งผลให้ยางไร้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 7. ซ่อมแซมยางทันที: ควรรู้ว่า เมื่อไรที่ควรจะซ่อมและเปลี่ยนยาง หากพบว่ายางแบน ไม่มีลม ให้ถอดยางออกจากล้อเพื่อนำไปตรวจเช็คความเสียหาย ยางที่แบนแม้จะวิ่งในระยะทางสั้นๆ ก็อาจได้รับความเสียหายจนไม่สามารถนำมาซ่อมแซมได้ และอาจทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลายมากขึ้น นอกจากนี้ การซ่อมยางควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 8. ซื้อยางคุณภาพดี: การซื้อยางที่มีความทนทาน คุณภาพดี และมีแรงต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ต่ำ1 จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ในระยะยาว เช่น ยางกู๊ดเยียร์ แอชชัวแรนซ์ ทริปเปิ้ลแมกซ์ ที่ทนทานและมีความยืดหยุ่นดีเยี่ยม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้ไกลขึ้น นานขึ้น และประหยัดมากขึ้น 1 แรงต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ คือ การที่พลังงานสูญหายไประหว่างที่ยางรถหมุนบนพื้นผิวถนน ซึ่งสาเหตุของการสูญเสียพลังงานดังกล่าว คือ ยางมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงขณะขับขี่ และแรงต้านทานที่เกิดขึ้นระหว่างยางรถยนต์และพื้นผิวถนน ซึ่งแรงต้านทานจะมีระดับที่แตกต่างกันไปตามสภาพของพื้นผิวถนน การมีแรงต้านทานการหมุนที่ต่ำจะทำให้รถใช้พลังงานในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าลดลง ดังนั้น รถจึงใช้น้ำมันน้อยลง ทั้งนี้ แรงดันยางจะมีผลกระทบต่อแรงต้านทานการหมุนของยางรถยนต์ โดยความดันลมยางที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ยางมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงขณะขับขี่ลดลง และทำให้แรงต้านทานการหมุนลดลงตามไปด้วย สื่อมวลชนสัมพันธ์: บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ชนาพา เดชะปัญญา โทร 0 2909 8080 ต่อ 372 อีเมล์ chanapa_dachapanya@goodyear.com บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด สราญจิต ชูวงศ์โกมล โทร 0 2252 9871-7 อีเมล์ saranjit.c@abm.co.th สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์ โทร 0 2252 9871-7 อีเมล์ satida.s@abm.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ