กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เริ่มขยายการดำเนินธุรกิจในอินเดียตามอนุมัติของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ซึ่งสายการบินเอทิฮัดเข้าถือหุ้นอยู่ 24%
สำนักงานใหญ่ของสายการบินเอทิฮัดวางแผนที่จะใช้อาบู ดาบี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับผู้โดยสารระหว่างประเทศ และการขนส่งสินค้าด้วยเที่ยวบินทั้งไปและกลับจากอินเดีย
ในขณะที่รอความพร้อมของสถานที่ใหม่ ผู้โดยสารสหรัฐอเมริกาจะสามารถใช้บริการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรได้ที่สนามบินนานาชาติอาบู ดาบี
กลยุทธ์ของสายการบินเอทิฮัดในลำดับแรก คือ การเพิ่มเที่ยวบิน หรือใช้เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในเส้นทางการบินในปัจจุบัน
สายการบินเอทิฮัดได้เพิ่มเที่ยวบินไปยังเส้นทางต่าง ๆ ดังนี้
- มุมไบ และนิวเดลี : จาก 7 เที่ยวบิน เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เพิ่มขึ้นทันที)
- โคชิ : จาก 7 เที่ยวบิน เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เดือนมิถุนายน 2557)
- บังกาลอร์ย และ เจนไน : จาก 7 เที่ยวบิน เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เดือนกรกฏาคม 2557)
- ไฮเดอราบาด : จาก 7 เที่ยวบิน เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เดือนตุลาคม 2557)
เช่นเดียวกับการเพิ่มเที่ยวบินที่มากขึ้น สายการบินเอทิฮัดจะแนะนำเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในบางเส้นทาง
สำหรับเส้นทางอาบู ดาบี – มุมไบ และ อาบู ดาบี – นิวเดลี เที่ยวบินที่ออกเดินทางในช่วงเย็นโดยเครื่องบินแอร์บัส A320 แบบลำตัวแคบ จะได้รับการอัพเกรดให้เป็นเครื่องบินแอร์บัส A330 และ A340 แบบลำตัวกว้าง ในเที่ยวบินช่วงเย็นโดยเครื่องยิน A340 ให้บริการที่มุมไบจะมีการแนะนำห้องสวีทส่วนตัวในชั้นบิน ไดมอนด์ เฟิร์สคลาส
เครื่องบินแอร์บัส A321 ใหม่ ขนาด 174 ที่นั่ง จะถูกนำมาให้บริการในเส้นทางอาบู ดาบี – เจนไน และในเส้นทางระหว่างอาบู ดาบี และโคชิ ในเดือนมิถุนายน ปี 2557
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับของแต่ละประเทศ สายการบินเอทิฮัด และสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ได้วางแผนใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน (Codeshare) ในแต่ละเที่ยวบินระหว่างเส้นทางอาบู ดาบี อินเดีย และเส้นทางอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ และยุโรป
สายการบินเอทิฮัด จะใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันในเส้นทางที่เปิดใหม่ของสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ระหว่างอินเดีย และสหรัฐอเมริกา โดยผ่านศูนย์กลางที่อาบู ดาบี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการได้รับการอนุมัติตามกฏระเบียบ
“อินเดียเป็นหนึ่งในตลาดการเดินทางทางอากาศที่ใหญ่ที่สุด และเติบโตเร็วที่สุดในโลก และจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการเติบโตของเรา” มร.เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานกรรมการบริหาร สายการบินเอทิฮัดกล่าว
“การที่สายการบินเอทิฮัดได้เข้าซื้อหุ้นในสายการบินเจ็ท แอร์เวย์จำนวน 24% ซึ่งเป็นการลงทุนในต่างประเทศครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตโดยลงทุนในสายการบินอินเดีย – เราได้วางรากฐานที่สำคัญสำหรับการเติบโต และน่าตื่นเต้นในการให้บริการทางอากาศ ระหว่างเส้นทางอาบู ดาบี และอินเดีย รวมถึงเครือข่ายอื่นๆ ของเราทั่วโลก” มร.เจมส์ โฮแกน กล่าวเสริม
“ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติตามกฎข้อบังคับ เราจะยังคงเดินหน้าดำเนินการขยายการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องระหว่างอาบู ดาบี – อินเดีย และทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มั่นคงของพวกเราเพื่อรองรับการเจริญเติบโตที่แข็งแกร่งและส่งมอบทางเลือกที่มากขึ้นในการเดินทางเข้า และออกจากอินเดีย”
การเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้จำกัดอยู่กับการดำเนินงานการบิน
ประโยชน์ที่สำคัญของการเป็นพันธมิตรของสายการบินเอทิฮัด คือ ความสามารถของสายการบินสมาชิกในการทำงานร่วมกันไม่เพียงแต่จะเพิ่มรายได้ แต่จะลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
นอกจากสายการบินเจ็ท แอร์เวย์ สายการบินเอทิฮัดยังเข้าซื้อหุ้นของสายการบินต่าง ๆ ดังนี้ แอร์เบอร์ลินจำนวน 29% แอร์ซีเชลเรสจำนวน 40% สายการบินเวอร์จิ้น ออสเตรเลีย 19.9% และแอร์ลินกัสจำนวน 3% นอกจากนี้สายการบินเอทิฮัดยังรอการอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นจำนวน 33.3% ในสายการบินดาร์วิน และในเดือนมกราคม ปี 2557 สายการบินเอทิฮัดจะเตรียมลงทุนเข้าถือหุ้นจำนวน 49% ของแอร์เซอร์เบีย
“พันธมิตรของเราช่วยให้ความร่วมมือประสบความสำเร็จ และผ่านการเป็นหุ้นส่วนเชิงพาณิชย์มาตรฐาน” มร.เจมส์ โฮแกน กล่าวปิดท้าย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมร่วมกันที่สามารถเพิ่มรายได้ ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพันธมิตรผู้ถือหุ้นของเราช่วยให้เราสามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิในการทำธุรกิจต่าง ๆ อาทิ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน การถ่ายโอนความรู้ และการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกัน”
ทั้งสองสายการบินมีการทำโปรแกรมสะสมไมล์ร่วมกัน และสิ่งอำนวยความสะดวกของสนามบินที่ใช้ร่วมกัน รวมถึงสำนักงาน การฝึกอบรมร่วมกันของนักบิน และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน การทำกลยุทธ์การขายร่วมกันในตลาด