กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
“กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” หรือ CPTGF เดินหน้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก (16 ธ.ค.) หลังเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน ในราคาหน่วยละ 10.15 บาท มั่นใจหลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ ในภาวะที่การลงทุนในตลาดหุ้นยังผันผวนจากสถานการณ์การเมือง รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และทิศทางดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงปรับตัวลดลง หลัง ธปท.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ชี้กองทุนมีจุดเด่นอยู่ที่การลงทุนในสินทรัพย์ที่ผสมผสานระหว่างศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่า สร้างสมดุลของรายได้ค่าเช่าจาก 2 ธุรกิจ พร้อมทั้งยังกระจายการลงทุนไปใน 3 ทำเลกลางเมืองที่มีความหลากหลาย ทั้งสีลม รัชดาภิเษก-พระราม9 และพญาไท ขณะเดียวกันด้วยขนาดกองทุนเฉียด 1 หมื่นล้าน ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนได้เป็นอย่างดี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการ “กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท” หรือ CPTGF เปิดเผยว่า หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPTGF เข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2556 หลังจากการเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคาหน่วยละ 10.15 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPTGF เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้า เป็นระยะ 30 ปี ในทรัพย์สิน 3 โครงการภายใต้การบริหารของ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ประกอบด้วย การลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 30 ปีในโครงการ ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 สีลม โครงการ ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 ฟอร์จูนทาวน์ รัชดาภิเษก-พระราม9 และโครงการ ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 พญาไท รวมมูลค่า9,815 ล้านบาท
“เราเชื่อมั่นว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPTGF จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีอีกครั้ง หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากต้องยอมรับว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี ในภาวะที่ภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นยังคงผันผวนจากสถานการณ์ทางการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด ยังมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เหลือ 2.25% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทยอยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะพักการลงทุน ในหุ้นหรือทอง โดยเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ อาจจะมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ ในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลงเช่นนี้ ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์คือคำตอบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์” นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากผลตอบแทนรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่าจะค่อนข้างแน่นอนและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว นักลงทุนยังไว้วางใจประสบการณ์และการบริหารจัดการทรัพย์สินของ บมจ.ซี.พี.แลนด์ ที่ยาวนานมากว่า 25 ปี รวมถึงขนาดของกองทุนที่มีมูลค่า 9,815 ล้านบาท ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดสำหรับกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ยังสนับสนุนความน่าสนใจให้เข้าลงทุนในแง่ของสภาพคล่องที่สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนสถาบันได้อีกด้วย
ด้าน นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงในการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในกรุงเทพฯและอีกหลายจังหวัดในประเทศไทยมานานกว่า 25 ปี ในฐานะผู้บริหารสินทรัพย์ กล่าวว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่จองซื้อหน่วยลงทุน ที่ให้ความไว้วางใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทุน CPTGF แม้ว่า ในช่วงระยะเวลาจองซื้อจะเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ทางการเมือง แต่ผู้ลงทุนก็ยังให้การตอบรับหน่วยลงทุนของกองทุนเป็นอย่างดี ซึ่งในฐานะของผู้บริหารทรัพย์สิน บมจ.ซี.พี.แลนด์ ขอให้ความมั่นใจกับผู้ลงทุนว่า บริษัทฯ จะบริหารจัดการทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและผลักดันให้กองทุนมีผลการดำเนินงานดีอย่างต่อเนื่อง
“ด้วยศักยภาพและโอกาสการเติบโตในอนาคตของทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการ ทำให้นักลงทุนให้การตอบรับอย่างน่าพอใจ แม้ว่าช่วงเวลาที่เราเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วง IPO นั้นจะเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลกับความมั่นใจของผู้ลงทุนก็ตาม ซึ่งหลังจากที่กองทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว เราก็เชื่อมั่นว่า จะมีนักลงทุนให้ความสนใจกองทุนรวม CPTGF ในวงกว้างขึ้น เพราะกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถที่จะตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ และเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก โดยความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และแม้ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจากการคาดการณ์ของหน่วยงานเศรษฐกิจจะเติบโตเพียงแค่ 3% ในปี2556 แต่ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่ายังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดีต่อไป โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ทำให้นักลงทุนจากกลุ่มประเทศอาเซียนขยับขยายการลงทุน และทำให้ความต้องการอาคารสำนักงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนั้นจะเป็นโอกาสที่สำคัญของกองทุนรวม CPTGF ในอนาคต” นายสุนทรกล่าว