กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ปตท.
ฝ่ายกลยุทธ์และแผนธุรกิจ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สรุปรายงานสถานการณ์น้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ราคาน้ำมันดิบ เบรนท์ (Brent) ลดลง 2.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 109.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 1.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 94.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 0.94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 107.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น 0.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 117.83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลง 2.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 125.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- EIA รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. 56 แตะที่ระดับ 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงที่สุดในรอบ 24 ปี
- กระทรวงทรัพยากรของสหรัฐฯ รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่ง Bakkan ในรัฐ North Dakota เดือน ต.ค. 56 เพิ่มขึ้น 9,000บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 942,000 บาร์เรลต่อวัน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
- ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Barack Obama กล่าวว่าสหรัฐฯจะพยายามบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยข้อตกลงจะอนุญาตให้อิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเพื่อใช้ทางด้านพลังงานเท่านั้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งหากบรรลุข้อตกลงกันได้ อาจจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบจากอิหร่านออกมาสู่ตลาดโลกมากขึ้น
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- Ibrahim Al Jedran ผู้นำกลุ่มการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องการปกครองแบบสหพันธรัฐในลิเบียประกาศกลับคำที่จะยกเลิกการประท้วงปิดท่าส่งออกน้ำมันที่สำคัญ 3 แห่งทางตะวันออก ได้แก่ Es Sider (350,000 บาร์เรลต่อวัน) Ras Lanuf (200,000 บาร์เรลต่อวัน) และ Zueitina (150,000 บาร์เรลต่อวัน) เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการแบ่งผลประโยชน์รายได้จากน้ำมันดิบกับทางรัฐบาลกลาง
- EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. 56 ลดลง 10.6 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 375.2 ล้านบาร์เรล ลดลงมากที่สุดในรอบปี เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 950,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 6.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 13 ปี และโรงกลั่นนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นสุทธิแตะระดับ 16.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดสำหรับช่วงเวลานี้ตั้งแต่มีการสำรวจข้อมูลมา 31 ปี
- Patty Murrey ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาสหรัฐฯ (สภาสูง - พรรค Democrats ครองเสียงข้างมาก) และ Paul Ryan ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (สภาล่าง - พรรค Republicans ครองเสียงข้างมาก) เป็นตัวแทนของพรรค Democrats กับพรรค Republicans ร่วมกันแถลงร่างงบประมาณสหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ 57-58 (เริ่มต้นตั้งแต่ ต.ค. 56 ถึง ก.ย.57) ในการลดรายจ่ายต่างๆ อาทิ การลดเงินสนับสนุนโครงการวิจัยแหล่งก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียม เพื่อจัดสรรงบ 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปใช้แทนการยุติมาตรการลดรายจ่ายอัตโนมัติ (Sequester) ล่าสุด สภาล่างลงมติผ่านร่างดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 13 ธ.ค. 56 และ จะเข้าสู่สภาสูงเพื่อลงมติต่อไปในสัปดาห์นี้
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มแกว่งตัวอย่างผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดจับตาผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 17-18 ธ.ค. 56 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า Fed จะคงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงิน (QE) ที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเดือนละ 8.5 หมื่นล้านสหรัฐฯ ต่อไป แต่จะเน้นการถกประเด็นเรื่องปรับ Forward Guidance (กำหนดแนวทางของนโยบายทางการเงินด้วยตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัวเลข) ให้เหมาะสมเพื่อสื่อสารกับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังที่ประธาน Fed สาขารัฐต่างๆออกมากล่าวก่อนหน้านี้
สำหรับกรอบราคาน้ำมันดิบ Brent ในสัปดาห์นี้ มีแนวรับแนวต้านอยู่ที่ 106.5-113.9เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วน WTI อยู่ที่ 91.8-100.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ Dubai อยู่ที่ 104.2-111.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ของสิงคโปร์และญี่ปุ่นต่างลดลง นอกจากนี้ ตลาดในช่วงนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ของอินโดนีเซียซึ่งคาดว่าจะนำเข้าน้ำมันเบนซินสำหรับเดือน ธ.ค. 56 ประมาณ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อเดือน และในเดือน ม.ค. 57 ประมาณ 10 ล้านบาร์เรลต่อเดือน
ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 115.0-122.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง เนื่องจากมีอุปสงค์จากยุโรปลดลงส่งผลให้ Arbitrage จากเอเชียสู่ยุโรปปิด ประกอบกับไต้หวันมีอุปทานออกมาสู่ตลาดเป็นปริมาณมากในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 122.5-129.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล