กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ มองตลาดวัสดุก่อสร้างปี 57 เติบโตไม่ต่ำกว่า 3-5% หลังปีนี้เจอพิษมรสุมปัจจัยลบฉุดการเติบโตตลาด แต่ผู้บริหารยังมั่นใจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% จากความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และการขยายช่องทางขายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ช่วยดันยอดเข้าเป้า
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขายภายใต้ แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า จากการประเมินภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2557 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3-5% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคต่างๆ ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ได้เข้าไปขยายการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรองรับความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง หลังจากปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัจจัยลบด้านอุทกภัยและด้านการเมือง ส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ที่เติบโตได้เพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายปีนี้ให้เติบโต 10% ได้ตามเป้าที่วางไว้ หลังจากผลิตภัณฑ์ตราเพชร ได้วางยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร โดยพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กระเบื้องจตุลอนและกระเบื้องเซรามิคแบรนด์ Creaton by Diamond ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ไลน์กลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการผลักดันสินค้าอิฐมวลเบาตราเพชร เข้าสู่ช่องทางตลาดในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้ขีดความสามารถการแข่งขันผ่านช่องทางขายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่เพิ่มสูงขึ้น และสามารถผลักดันยอดขายโดยรวมจากช่องทางดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ส่วนสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตที่ดี เนื่องจากพฤติกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในปัจจุบันหันมานิยมใช้ไม้สังเคราะห์ในการก่อสร้างผนังและพื้นเพิ่มขึ้นทดแทนการก่อสร้างแบบใช้คอนกรีต ซึ่งสามารถลดระยะเวลาการก่อสร้างและต้นทุนการก่อสร้างได้ ทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ในปี 2557 ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
“ปีนี้เป็นปีที่ยากสำหรับผู้ประกอบการทุกรายที่จะรักษายอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีปัจจัยลบต่างๆ ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว รวมถึงปัจจัยทางด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่เรามั่นใจว่าจะสามารถรักษาเติบโตของยอดขายไว้ได้ในระดับ 10% เนื่องจากเรามีการบริหารจัดการสินค้าที่มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และกระจายความเสี่ยงในช่องทางการจัดจำหน่าย รองรับแนวโน้มพฤติกรรมการซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เราสามารถผลักดันความสำเร็จด้านยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว