กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท หรือ TGROWTH เข้าเทรดวันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 18 ธ.ค.นี้ มั่นใจเป็นทางเลือกและเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ในช่วงที่ตลาดหุ้นยังผันผวนจากผลกระทบจากปัจจัยการเมือง ชูจุดเด่นอยู่ที่ศักยภาพของทรัพย์สินที่กองทุนเข้าลงทุน ซึ่งผสมผสานระหว่างโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่า ในทำเลที่เป็นยุทธศาสตร์ของภาคการผลิตและโลจิสติกส์ พร้อมรองรับการเติบโตจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินที่กองทุนลงทุนบริหารจัดการโดยมืออาชีพอย่าง “ไทคอน” และ “ทีพาร์ค” ที่มีประสบการณ์ยาวนาน มั่นใจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท หรือ TGROWTH เปิดเผยว่า หน่วยลงทุนของกองทุน TGROWTH จะเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ หลังจากเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายนถึง 4 ธันวาคม ในราคาหน่วยละ 10 บาท ซึ่งปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่สนใจเป็นอย่างดี
สำหรับทรัพย์สินที่กองทุน TGROWTH เข้าลงทุนครั้งแรกนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงาน จำนวน 38 โรง จาก บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (ไทคอน) เป็นระยะเวลา 30 ปี และสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารคลังสินค้าจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด (ทีพาร์ค) จำนวนรวม 50 ยูนิต เป็นระยะเวลา 30 ปี ซึ่งจะใช้แหล่งเงินลงทุนจากการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก มูลค่า 5,550 ล้านบาท และการลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 2 ซึ่งกองทุนรวมจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารโรงงานจากไทคอนเป็นระยะเวลา 30 ปี เพิ่มเติมอีก 2 โรง โดยจะใช้แหล่งเงินลงทุนจากเงินกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ จำนวน 460 ล้านบาท รวมเงินลงทุนของโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท
“เนื่องจากความโดดเด่นของทรัพย์สินที่กองทุนเข้าลงทุน ซึ่งยังมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตอีกมาก ขณะเดียวกัน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในขณะนี้ เพราะสามารถตอบโจทย์นักลงทุนในหลายด้าน เช่น เป็นการลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองต่ำ เนื่องจากรายได้หลักของกองทุนมาจากค่าเช่าและค่าบริการ ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิ และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จึงทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เมื่อผนวกรวมกับความสำเร็จในอดีตของผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้แก่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเนคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอนโลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ทำให้เราเชื่อว่าภายหลังการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนจะให้ความสนใจลงทุนในกองทุน TGROWTH เพิ่มมากขึ้น” นางโชติกากล่าว
ด้าน นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON กล่าวว่า ในฐานะที่ไทคอนและทีพาร์ค เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของประเทศไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี และมีการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าอย่างต่อเนื่อง เรามั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะโอกาสสำคัญจากการเริ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนในอาเซียนขยายการค้าและการลงทุนถึงกัน ทำให้โรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า
“ผมต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ไว้วางใจเข้าร่วมลงทุนในกองทุน TGROWTH ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่กองทุนได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกองทุน TGROWTH อย่างแท้จริง ดังนั้น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของกองทุน ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่พลาดการจองซื้อในช่วง IPO” นายวีรพันธ์กล่าว
กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าวย้ำด้วยว่า แม้ว่า เหตุการณ์ทางการเมืองอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้เช่ารายใหม่ แต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะผู้เช่าส่วนใหญ่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสถานการณ์ก็มีความคลี่คลายเป็นลำดับ ขณะเดียวกัน การพิจารณาตัดสินใจเลือกพื้นที่เช่าอาคารโรงงานหรือคลังสินค้าของผู้เช่าส่วนใหญ่นั้น จะคำนึงถึงความสะดวกสบายทางด้านโลจิสติกส์และระบบคมนาคม ซึ่งประเทศไทยถือว่าอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่มีความได้เปรียบ เมื่อประกอบกับคุณภาพมาตรฐาน ความทันสมัยของโรงงานและอาคารคลังสินค้าให้เช่า ก็เชื่อว่า โรงงานให้เช่าของไทคอนและคลังสินค้าให้เช่าของทีพาร์ค ยังคงเป็นทางเลือกแรกของผู้เช่าที่เป็นบริษัทต่างชาติชั้นนำอย่างแน่นอน