กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--adwayslabs
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้นำด้านการให้คำปรึกษาด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ได้ทำการวิเคราะห์ถึงทิศทางในการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ว่ามีแนวโน้มเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยให้ความสนใจไปใน 5 พื้นที่ ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ปราจีนบุรี ขอนแก่น และนครราชสีมา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเป็นพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการส่งทุนภาคอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศเข้ามาสู่ท้องถิ่น โดยเฉพาะนักลงทุนทั้งจากญี่ปุ่นและจีน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น จนทำให้กลุ่มทุนทั้งหลายเข้าไปจับจอง ซื้อขายที่ดิน เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบของบ้าน อาคารพาณิชย์ รวมไปถึงคอนโดมิเนียม ซึ่งมีอุปทานความต้องการซื้อที่สูง เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของนักลงทุนที่นิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์และปล่อยให้เช่า ทั้งในรูปแบบของ บ้านเช่า หรือจะซื้อเพื่อเก็งกำไรในรูปแบบของ คอนโดมือสอง , ทาวน์เฮ้าส์มือสอง ก็มีปรากฏให้เห็นกันอย่างมากมาย
ข้อมูลที่ทางฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ทำการสำรวจใน 5 พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยนั้น แสดงให้เห็นว่า นอกจากพื้นที่ดังกล่าวจะมีอัตราการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องที่สูงถึง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว ยังมีอัตราการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยความต้องการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ เนื่องจากเป็นกลุ่มแรงงานที่ทำงานในนิคมฯ ซึ่งมีรายได้ยังไม่สูงนัก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายที่ทำงานสูง จึงนิยมซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งเมื่อมีความจำเป็นจะต้องย้ายที่ทำงาน ที่อยู่อาศัยดังกล่าวก็สามารถปล่อยขาย หรือปล่อยให้เช่าได้โดยง่าย
และด้วยปัจจัยการลงทุนโครงการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคเมกกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐบาล เพื่อรองรับนโยบายประชาคมอาเซียนในปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่อย่างถนนสาย R1 โครงการถนนสายกรุงเทพฯ – พนมเปญ – โฮจิมินต์ซิตี้ – วังเต่า (กรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา – กบินทร์บุรี – อรัญประเทศ) รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ รวมถึงแนวทางการพัฒนาเมืองใหม่ในรัศมี 6-10 ตารางกิโลเมตรรอบสถานี และด้วยทำเลที่ตั้งของประเทศในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน มีความพร้อมของระบบขนส่ง โลจิสติกซ์ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จะสามารถกระตุ้นการขยายตัวของทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี รับรองได้เลยว่าในระยะเวลาอันใกล้ จะต้องมีโครงการ คอนโดติดรถไฟฟ้า ในพื้นที่ทั้ง 5 เขตนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างแน่นอน