กรุงเทพฯ--2 ม.ค.--IR PLUS
JMT ประกาศซื้อหนี้เสียส่งท้ายปี 56 มูลค่า 390 ลบ. โดยเป็นหนี้ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ของ บริษัท ธนบรรณ จำกัด หนุนพอร์ตซื้อหนี้เสียมาบริหารทะลุเป้าได้อีก อยู่ที่กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 3 หมื่นล้านบาท “ปิยะ พงษ์อัชฌา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลั่นเป้าปี 57 จะซื้อหนี้เสียเพิ่มอีก 1.3 หมื่นลบ. พร้อมดันบริษัทย่อย JAM รุกตลาดหนี้ที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว และเริ่มเดินหน้าธุรกิจนายหน้าประกันภัย จากบริษัทย่อย JMTIB คาดปีแรกนี้เริ่มรับรู้รายได้ทันที วางเป้าหมายผลงานปี 57 รายได้โต 20% ส่วนกำไรสุทธิโต 40% จากผลงานปี 56
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2556 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กับบริษัท ธนบรรณ จำกัด โดยสัญญามีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิ เท่ากับ 390 ล้านบาท ซึ่งอัตราผลตอบแทนจากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายถือว่าอยู่ในระดับปกติเมื่อเทียบกับการซื้อหนี้ในครั้งที่ผ่านมา
“ภาพรวมผลงานปี 2556 ที่ผ่านมา มองว่า มีแนวโน้มเติบโตที่ดีขึ้น จากการซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสถาบันการเงินที่เคยนำหนี้ออกมาขายให้ JMT อยู่แล้ว และสถาบันการเงินรายใหม่ โดยล่าสุด ประกาศซื้อหนี้เสีย ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ของบริษัท ธนบรรณ จำกัด มูลค่า 390 ล้านบาท เป็นก้อนสุดท้ายของปี 2556 หนุนพอร์ตซื้อหนี้เสียได้เกินเป้าหมายได้อีก อยู่ที่กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังมีดีลที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการทำสัญญาอีกหลายบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ก้อนใหญ่ คาดกระบวนการต่าง ๆ จะแล้วเสร็จ และสามารถทยอยประกาศให้นักลงทุนรับทราบได้อย่างต่อเนื่องในปี 2557 นี้” นายปิยะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่อในปี 2557 ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากการแข่งขันอย่างรุนแรงของสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมทั้งโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐบาล ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากโครงการรถคันแรก และนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เกิดปัญหาการว่างงาน รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ สถาบันการเงินต่างๆ จึงนำหนี้เสียออกมาขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัท ตั้งเป้าหมายในปี 2557 จะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 13,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจในบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์เจ จำกัด หรือ JAM ธุรกิจบริหารจัดการหนี้สินที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว และได้เริ่มทยอยซื้อหนี้ดังกล่าวเข้ามาบริหารตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 ที่ผ่านมา ส่วนบริษัท เจเอ็มที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด หรือ JMTIB ธุรกิจนายหน้าประกันภัย คาดจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น และสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ สนับสนุนให้ JMT เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
“บริษัทฯ ตั้งเป้าซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารในปีนี้อีก 1.3 หมื่นลบ. แบ่งเป็น JMT ซื้อหนี้เสียจากลูกค้าปกติราว 1 หมื่นลบ. และ JAM ซื้อหนี้จากลูกค้าที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วอีกราว 3 พันลบ. จากสิ้นปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีพอร์ตการซื้อหนี้เสียอยู่ที่ประมาณ 3.1 หมื่นลบ. ส่วน JMTIB ธุรกิจนายหน้าประกันภัย จะเน้นลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก คาดจะสามารถเริ่มทำรายได้ในปีนี้ และในช่วงไตรมาส 2/57 คาดขั้นตอนการตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ที่ JMT ซื้อเข้ามาบริหารในช่วงที่ผ่านมาจะเสร็จสิ้น ทำให้ JMT จะเริ่มรับรู้รายได้ในหนี้ก้อนดังกล่าวทั้ง 100% มั่นใจ ผลงานปี 57 โตโดดเด่น วางเป้ารายได้โต 20% ส่วนกำไรสุทธิโต 40% จากผลงานปี 56 ” นายปิยะ กล่าว