กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--ปตท.
ฝ่ายกลยุทธ์และแผนธุรกิจ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสรุปสถานการณ์น้ำมันในสัปดาห์ล่าสุดเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวลดลง 2.74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 109.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล, น้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 2.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 96.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 1.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 107.51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ปรับเพิ่มขึ้น 0.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 121.49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดีเซลลดลง 1.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 125.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ ได้แก่
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- กลุ่มผู้ประท้วงในลิเบียยุติการปิดแหล่ง El Sharara ซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้วันละกว่า 300,000 บาร์เรล หลังรัฐบาลยอมพิจารณาจัดตั้งสภาประชาชนท้องถิ่น และออกบัตรประจำตัวประชาชนให้ชนกลุ่มน้อย
- รัฐบาลเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน (Kurdish Regional Government หรือ KRG) ในอิรักส่งออกน้ำมันดิบโดยไม่ผ่านรัฐบาลกลาง เพิ่มขึ้น โดยใช้รถบรรทุกขนส่งไปยังท่าเรือในตุรกี
- รัสเซียผลิตน้ำมันดิบในปี 56 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่สิ้นสุดสหภาพโซเวียต โดยเพิ่มขึ้น 1.4% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 10.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- บราซิลผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ในเดือน พ.ย. 56 สูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 2.8 % จากปีก่อนหน้า รวมอยู่ที่ 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เทียบเท่าน้ำมัน)
ปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- Markit Economics รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) ของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. 56 เพิ่มขึ้น 0.3 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 55.0 จุด สูงสุดในรอบเกือบปี
- Manufacturing PMI ของยูโรโซนในเดือน ธ.ค. 56 เพิ่มขึ้น 1.1 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 52.7 จุด สูงสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากข่าวแหล่ง El Sharara ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของลิเบีย ซึ่งถูกกลุ่มผู้ประท้วงปิดมาเป็นเวลากว่า 2 เดือน จะกลับมาผลิตน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตามการดำเนินการครั้งนี้กำหนดระยะเวลาชั่วคราวเพียง 2 สัปดาห์ ระหว่างการเจรจากับรัฐบาล ประกอบกับสำนักสารสนเทศทางพลังงานของสหรัฐฯ (Energy Information Administration หรือ EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเชิงพาณิชย์ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ธ.ค. 56 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปริมาณสำรอง Distillates เพิ่ม 5.0 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 119.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากผลิตที่ระดับเกือบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ อาจลดลง จากพายุหิมะทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ประกาศภาวะฉุกเฉิน เตือนประชาชนให้งดออกจากที่พักอาศัย และยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,500 เที่ยว จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคคาดว่าในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 106-112.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล, ราคา WTI อยู่ในกรอบ 93-98.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคา Dubai อยู่ในกรอบ 103-109.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ของสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ม.ค. 57 ลดลง 0.2 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 10.8 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และคาดว่าอินโดนีเซียจะนำเข้าน้ำมันเบนซินออกเทน 88 และ 92 ในเดือน ม.ค.นี้ คงที่จากเดือน ธ.ค. 56 ที่ปริมาณ 9.8 ล้านบาร์เรล และ 0.4 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 116.50-122.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
ปริมาณสำรองทั่วโลกส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น อาทิ ปริมาณสำรอง Middle Distillates ของสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.8 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 8.0 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และ PJK International B.V. รายงานปริมาณสำรอง Gasoil เชิงพาณิชย์ของยุโรป บริเวณ Amsterdam-Rotterdam-Antwerp (ARA) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ม.ค. 57 เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 13.5 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ สัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะเคลื่อนไหวในกรอบ 119-125.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล