สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 7, 2014 09:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,243 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,248 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 33.12 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,350 บาท กับ 19,450 บาท และกลับมาปิดที่ 19,300 บาท กับ 19,400 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 999 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,699 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 7.9% GFG13 ปิด 19,630 บาท และ GFJ13 ปิด 19,730 บาท GF10G13 ปิดที่ 19,650 บาท GF10J13 ปิดที่ 19,740 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 0.6 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,238 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 10.8 เซ็นต์ ที่ระดับ 20.10 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 794.62 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 44.89 จุด ปิดที่ 16,425.10 จุด ข่าวที่สำคัญ ราคาทองคำปิดปรับตัวที่ระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแต่ในช่วงกลางตลาดเช้าได้เกิดแรงเทขายในทันทีและมีการดีดตัวกลับขึ้นจากแรงShort covering รายงานคิทโก้ระบุว่าทองคำปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นตามทางเทคนิค ซึ่งประเด็นเด่นที่จะต้องติดตามต่อในวันพุธจะมีการแถลงการณ์รายงานการประชุมFOMC วันพฤหัสบดี ECB จะมีการประชุมในเรื่องนโยบายทางการเงินและวันศุกร์จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงาน นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่สหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ อันได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชน และการสรุปรายงานการประชุมของเฟดที่จะมีขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินว่าเฟดจะวางนโยบายทางการเงินในอนาคตอย่างไร นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ในคืนพรุ่งนี้เฟดจะเปิดเผยทิศทางของนโยบายการเงินในปี 2557 ที่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดทองคำได้ จิม เวค คอฟนักวิเคราะห์จากคิทโก้กล่าวว่าทองคำทางเทคนิคนั้นเห็นแนวรับแรกที่ระดับ1,230เหรียญ และแนวรับถัดไปอยู่ที่ระดับ1,225เหรียญ วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติคะแนนเสียง 56:26 ในการรับรองนางเจเน็ต เยลเล็น เพื่อดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไป แทนนายเบน เบอนันเก ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในสิ้นเดือนนี้ ในคืนวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณตี 2 บ้านเรา เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายประจำเดือนธันวาคม ซึ่งการประชุมดังกล่าวได้มีมติปรับลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัว นักลงทุนในตลาดการเงินเฝ้าจับตาดูตัวเลข Non-Farm Employment Change ที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะมีการจ้างงานลดลง 9,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 194,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 203,000 ตำแหน่ง นักวิเคราะห์จากมาร์กิต ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งส่งท้ายปี 2556 โดยเฉพาะในเรื่องการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ จึงคาดว่าตัวเลขการจ้างงานน่าจะสดใสกว่าที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ อย่างน้อยน่าจะมีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ (ISM Non-Manufacturing) ประจำเดือนธันวาคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 53.0 จุด จากเดิมที่ระดับ 53.9 จุด บ่งชี้ให้เห็นว่าภาคบริการของสหรัฐฯชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยถ่วงสำคัญของดัชนีภาคบริการ มาจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ของ ISM ในเดือนธันวาคม หดตัวลงแตะระดับ 49.4 จุด ซึ่งถือว่าเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2552 สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของภาคบริการสหรัฐฯ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธันวาคมของเยอรมนี ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวสูงขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า แรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อของเยอรมนียังคงอยู่ในระดับต่ำ และต่ำกว่าที่อีซีบีตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ยูโรโซนมีอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าระดับ 2% เล็กน้อยในระยะกลาง ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ เนื่องจากเงินเฟ้อที่อ่อนแรงของยูโรโซน ได้ส่งผลให้อีซีบีทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากการที่ดัชนีภาคบริการประจำเดือนธันวาคมของสหรัฐฯชะลอตัวลง นอกจากนี้นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่สหรัฐฯจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ อันได้แก่ ตัวเลขการจ้างงาน และรายงานการประชุมเฟด ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้ลดลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการปิดลบของตลาดหุ้นสหรัฐ และการชะลอตัวของดัชนีภาคบริการของสหรัฐ นักบริหารเงินคาดว่า ค่าเงินบาทในวันนี้จะยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า เพราะได้รับแรงกดดันจากปัญหาปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ และมีโอกาสที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าได้เพียงช่วงสั้นๆ และอาจจะปรับลงได้ไม่เยอะนัก จึงคาดว่าวันนี้ เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10 - 33.20 บาท/ดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวาน - ISM Non-Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 53.9 ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 53.0 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญคืนนี้ - Trade Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -40.6B ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ -40.2B ทิศทางราคาทองคำ ทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการอ่อนค่าของเงินบาท ที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 33.12 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกมีการแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นเมื่อวานขึ้นไปทำจุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,248 เหรียญ โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาออกมา ได้แก่ ISM Non-Manufacturing PMI ที่ออกมาแย่ลงเล็กน้อย และ SPDR ยังคงไม่ได้ทำอะไรโดยยังถือครองทองคำที่ระดับ 794.62 ตัน สำหรับค่ำคืนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของทางสหรัฐอเมริกาได้แก่ Trade Balance ที่คาดว่าจะยังทรงตัว วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำในระยะสั้นเข้าสู่ภาวะ Sideways อีกครั้งหนึ่ง โดยที่ภาพรวมยังมีโอกาสขึ้นต่อได้ในระยะสั้น ในขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,250 เหรียญ และแนวรับที่ 1,230 เหรียญ เงินบาทเองจะมีแนวรับสำคัญที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์ และมีแนวต้านสำคัญที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ และมีโอกาสจะอ่อนตัวได้ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเน้นการที่จะปิดสถานะ Short และหาจังหวะเปิดสถานะ Long เมื่อราคาอ่อนตัวลง เน้นการทำกำไรในช่วงสั้น - นักลงทุนที่ถือ Long Position เน้นการทำกำไรในช่วงสั้นๆ - นักลงทุนที่ถือ Short Position ควรจะมีระดับ Stop Loss และลดสถานะ Short ลง ทำกำไรเป็นช่วงๆ Gold Futures G14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,520 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,720 บาท Gold Futures J14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,620 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,820 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ