กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ด้วยประสบการณ์ด้านวงการบันเทิงกว่า 20 ปี เริ่มต้นเข้าวงการกับการเป็นนายแบบ จนฉายแววด้านการแสดงทำให้ แมน ศุภกิจ แสดงละโทรทัศน์มากมายหลายเรื่อง อาทิ อรุณสวัสดิ์/คุณยายโอซาก้า/เยาวชนในพายุฝน/พิษกุหลาบ/รักในรอยแค้น/สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ฯลฯ นอกจากนี้เขายังมีโอกาสคว้าไมค์เป็นนักร้องศิลปิน และเป็นพิธีกรรายโทรทัศน์ ตลอดจนแสดงละครเวทีเรื่อง บัลลังก์เมฆ และแสดงภาพยนตร์ไทยเรื่อง สุริโยไท(2544) / เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นสั่งตาย(2549) และมีงานด้านการแสดงจนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดกับความฝันครั้งสำคัญ ขอลุยงานเบื้องหลังด้วยการนั่งเก้าอี้ผู้กำกับภาพยตร์ พร้อมโชว์ความสามารถด้านการเขียนบทเรื่อง สีเรียงเซียนโต๊ด ภาพยนตร์แนวดาร์ค-คอมเมดี้ เชิงเสียดสีล้อเลียนสังคมด้วยอารมณ์ชวนฮา พร้อมกับเชิญชวนเหล่าเพื่อนนักแสดงสุดซี้ฝีมือคุณภาพ ชาคริต แย้มนาม, เทพ โพธิ์งาม, (โจ๊ก) อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ และ(จุ๊บ) ภัทรา อธิราษฎร์กุล ร่วมแสดงและสร้างเสียงหัวเราะ สู่ผลงานการกำกับภาพยนตร์เต็มตัวครั้งแรกของเขา
เล่าถึงไอเดียและที่มาของโปรเจคครั้งนี้
เราเริ่มคิดจากสิ่งที่เราอยากเห็น สิ่งที่จะถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ สิ่งที่คนดูอยากเห็นแล้วยังไม่ค่อยมีในภาพยนตร์ไทย กับเรื่องที่เกี่ยวกับกลโกงไพ่ ในแง่การพนัน หลอกลวงต้มตุ๋นอาจจะพอมีบ้าง แต่เรื่องของไพ่ กลโกง กลไพ่ น่าจะยังไม่ค่อยมีนะ การพนันต่างๆ หรือการเล่นไพ่จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวพวกเรามาก เรียกว่าเป็นวิถีชีวิตของคนไทยก็ยังได้ จากนั้นก็คิดต่อว่า ภาพยนตร์แนวไหนที่คนดูส่วนมากนิยม คำตอบคือ แนวตลก ผมจึงเลือกนำความตลกขบขันมาใส่ในภาพยนตร์ โดยการสร้างคาแรคเตอร์ตัวละครให้มีเสน่ห์ โดดเด่น และมีความน่าสนใจ ใส่ความสนุก พร้อมทั้งสอดแทรกมุกตลกไปกับสถานการณ์ต่างๆ ในสไตล์เฮฮา
การตั้งชื่อภาพยนตร์มีที่มายังไง
ชื่อภาพยนตร์เรื่อง สีเรียงเซียนโต๊ด ซึ่งจริงๆเป็นภาษาของไพ่คือ สี เรียง เซียน ตอง โดยเราเปลี่ยนตองเป็นโต๊ด เพราะตัวพระเอกชื่อโต๊ด บอกใบ้ว่ามีเรื่องล๊อตเตอรี่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ต้องไปดูว่าทำไมครับ
ยกระดับกับการนั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้วยเหตุผล
เราเล่นหนังเล่นละครมานานแล้ว ก็คิดว่างานเบื้องหลังอยู่ใกล้ตัวเราและเป็นงานที่น่าสนใจ เริ่มศึกษาในการทำงานต่างๆจากผู้กำกับ จากทีมงาน หรือจากอะไรต่างๆนานาที่อยู่ในวงการบันเทิง เราก็รู้สึกว่าเหมือนเป็นการยก เลื่อนตำแหน่งจากนักแสดง มาเป็นโปรดิวเซอร์ เบื้องหลัง เป็นผู้กำกับ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้กำกับ ยิ่งต้องรับผิดชอบอะไรเยอะทั้งหมดทั้งมวล เป็นความฝัน หากวันนึงถ้ามีโอกาสก็น่าจะลองดูครับ
ทีมงานและนักแสดงฝีมือคุณภาพที่ร่วมโปรเจคเป็นใครบ้าง
ตอนแรกเลยมันเป็นโปรเจคที่ทำออกมาเป็นหนังสั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ถ่ายมาได้สักระยะนึงทีมงาน นักแสดงต่างแฮปปี้ เริ่มสนุก แล้วก็มีเสียงเรียกร้องกันมาว่าทำไมไม่ทำเป็นหนังใหญ่เลยล่ะ ซึ่งในโปรเจคหนังสั้นมีหนุ่ม อรรถพรเล่นด้วยตอนนั้น หนุ่มก็ช่วยแนะนำครับ จนเราได้คุยกับพี่อุ๋ย นนทรีย์ และเป็นผู้ที่พาเข้าไปคุยโปรเจคนี้กับเสี่ยเจียง เจ้าของค่ายสหมงคลฟิล์ม จนได้รับโอกาสและอนุมัติโปรเจคครั้งนี้ โดยมีพี่อุ๋ย นนทรีย์เป็นผู้ควบคุมงานสร้างให้กับภาพยนตร์ ด้านนักแสดงที่มาแสดงก็จะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทคุ้นเคยกัน ชาคริต, ป๋าเทพ, จุ๊บ ภัทรา, โจ๊ก อัครินทร์ แม้แต่นักแสดงที่เราเชิญมาสร้างสีสัน ตลอดจนถึงทีมงานสร้างที่เราคุ้นเคยกันมานานครับ
เล่าถึงขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดงกับคาแรคเตอร์หลักเป็นมาอย่างไร
ศรี เป็นผู้หญิงที่ผ่านโลกมาเยอะ ต้องเป็นผู้หญิงแข็งแรงและแกร่ง เพราะต้องมาอยู่กับผู้ชายอีก 3 คน ในบางมุมก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ กร้านโลกผ่านอะไรมาเยอะ และจากที่เคยร่วมงานกับจุ๊บ ภัทรา เขาเป็นผู้หญิงที่เหมือนผู้ชาย เป็นคนที่ไม่กลัวอะไร กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ จึงเหมาะทั้งนิสัย และรูปร่างบึกบึนดี และจับมาแต่งหน้าให้ดูเป็นนางโชว์ครับ ศรีในเรื่องต้องรับบทเป็นนางนกต่อ บทบาทสำคัญหลักเป็นตัวเชื่อมให้กับแก๊ง โปรยเสน่ห์ให้เจ้าของบ่อน พวกเซียนทั้งหลายหลงชอบ หรือเพื่อไปหลอกนั่นเอง
เรียง คาแรคเตอร์จะเป็นคนโลภ บ้าคลั่งเรื่องของวงการพนัน เสี่ยงโชคเสี่ยงทายเสี่ยงดวงทุกสิ่งอย่าง แล้วมีความฝันว่าอยากจะมีค่ายมวยของตัวเอง ตั้งแต่เด็กอยู่กับแวดวงการพนัน ไพ่ ไก่ชน ปลากัด ตลอดเวลา โดยหวังจะรวยด้วยวิธีการเสี่ยงโชค ความสำคัญของเรียง คือเป็นตัวที่ทำให้เรื่องดำเนินตลอดเวลา เพราะจะคอยชี้นำคนอื่น ไปเล่นนี่สิได้เงินนะ ไปทำนั่นสิได้เงินเยอะ ที่เลือก โจ๊ก อัครินทร์ ผมชอบสไตล์จังหวะในการเล่นของเขา ยิ่งพอได้เข้าคู่กับป๋าเทพเป็นอะไรที่พอดีกันมาก มันอาจจะขาดๆเกินๆ แต่พอจังหวะมารวมกันแล้วมันได้มันใช่ ส่วนตัวโจ๊กเอง เขาเป็นคนมีคาแรคเตอร์ชัดเจน ดูเซอร์ๆ ดูเหมือนพวกชอบไปอยู่ในสนามมวย สนามม้า(555)
เซียน มีความรู้ในเรื่องพระได้ดีมาก สามารถทำพระจริงเป็นของปลอม จากของปลอมเป็นของจริง และเป็นผู้ใหญ่ที่จอมวางแผน ผมได้มีโอกาสไปแถวท่าพระจันทร์บ่อย ไปถ่ายรายการ ไปเดินเล่น คนที่เขาเฝ้าแผงพระ เป็นคนมีอายุ คาแรคเตอร์แบบนี้โดยส่วนใหญ่(555) แล้วมักจะเป็นนักวางแผน ชอบติดตลกบ้าง นึกถึงป๋าเทพครับ ป๋าเองเขาแสดงได้หลายแบบอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าเขามาเล่นที่ไม่ตลกบ้าง ตลกน้อยๆ แอบตลก หรือตลกด้วยสถานการณ์ เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีนะ ซึ่งป๋าแสดงออกมาได้ดีมาก และจังหวะเขาเป็นจังหวะคอมเมดี้มากๆ ยิ่งพอมาอยู่กับหลาน หรือ เรียง ผสมกันแล้วโอเคมากๆ ก่อนหน้านี้เราไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้มาเล่นด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง แต่พอถ่ายทำกันไปเรื่อยๆ มันมีอะไรที่มากกว่าที่เราคิด และกำกับไว้เยอะครับ(ยิ้ม)
โต๊ด คาแรคเตอร์เป็นเซียนไพ่ แต่เป็นไพ่มายากล เขาจึงมีความสามารถในการเล่นกลไพ่ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี คนจะเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไร รับบทโดย ชาคริต แย้มนาม ส่วนตัวเราสนิทกันอยู่แล้ว เป็นน้องเป็นเพื่อนในวงการที่สนิท ประกอบกับคาแรคเตอร์ของโต๊ด ต้องเป็นคน ดูเงียบๆ ขรึมๆ ดูมีอะไรเดาไม่ออก มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่ข้างใน โต๊ดในเรื่องเป็นนักมายากล เล่นโชว์ตามผับบาร์ มีความใฝ่ฝันที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร เขาจึงต้องการเงิน ตัวชาคริตเองเขาเท่ก็ได้ เล่นตลกก็ได้ ขรึม กระล่อนได้หมด ในฉากที่ต้องเท่เขาก็ถ่ายทอดออกมาได้มีเสน่ห์และมีพลังมากครับ ผมว่าเขาเหมือนเกาจิ้ง เจ้าพ่อฮ่องกง คล้ายโจเหวินฟะตอนหนุ่มนะ
ภาพยนตร์สร้างออกมาเป็นแนวไหน
เป็นแนวดาร์ค-คอมเมดี้ มันคือตลกร้าย ตลกด้วยสถานการณ์ มีความล้อเลียนสังคมในเชิงที่ดูแล้วเฮฮา
เรื่องราวของ สีเรียงเซียนโต๊ด
การรวมตัวของคน 4 คน ที่มีความสามารถแตกต่างกัน เพื่อไปโกงไพ่และได้เงินมา ซึ่งทุกคนล้วนมีความฝัน และในระหว่างทางฝันของ 4 คนนี้ เป็นฝันที่อยากจะให้ได้เงินรวดเร็ว ก็เพื่อนำไปทำฝัน แต่ฝันของพวกเขาไม่ใช่การโกง มันเลยคิดเห็นตรงกัน จนกลายเป็นเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ถ้าเปรียบเทียบหากเป็นนักธุรกิจ หรือคนที่เขามีเงินก็ไปเล่นหุ้น แต่ว่า 4 คนนี้ เลือกเล่นไพ่ เล่นหวย เล่นพนัน ประมาณนี้ครับ
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้
มันน่าสนใจกับความเป็นหนังตลกร้าย เรื่องราวที่ดำเนินสนุกสนาน และการเล่าเรื่องราวใกล้ตัวเรา ทุกวันที่1 ของเดือนเราก็ต้องลุ้นล๊อตเตอรี่ ระหว่างเดือนเราไปลุ้นแมนยู หรือลิเวอร์พูล พอถึงสิ้นเดือน เงินเดือนเราก็ออกแล้วพวกเราก็ไปกินเหล้าเลี้ยงฉลองกัน วันหยุดเปิดทีวีเสาร์-อาทิตย์ก็มีมวยให้เราดู แถมข้างบ้านเราก็มีบ่อนคาสิโน หลังบ้านรับแทงหวย ยังไม่พอเดี๋ยวเพื่อนก็มาชวนไปนั่งดูพระ พอตกเย็นก็ยังชวนเราไปดูโคโยตี้ นี่แหละชีวิตคนเมือง ผมหยิบยกมาอยู่ในภาพยนตร์ แล้วหยิบเรื่องราวที่เป็นใต้ดินทั้งมากและน้อยมาไว้ในภาพยนตร์ โดยเล่าผ่านความเป็นคอมเมดี้ เราไม่ได้เสียดสีว่าใครทั้งนั้น มันเป็นเรื่องสนุกที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่า ที่หลายคนบอกเป็นเรื่องไม่ดี ผิดศีลธรรม แต่ก็ยังทำกันครับ
การร่วมงานกับนักแสดงทั้ง 4 คนเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับ 4 คนนี้ มีเคมีตรงกันไปหมดเลยตามที่คิดไว้ ที่เรามองไว้เออพวกเขาใช่มากๆ แล้วพออยู่ด้วยกัน 4 คน มันสนุกมาก เคมีข้างในมันเข้ากันไม่ยอมกันเลย เล่นแบบว่าทั้งตามบท ทั้งเล่นนอกบทอะไรที่เราไม่ได้บอกแต่ออกมาได้ดี เกิดจากความไม่ยอมกัน คนนี้เล่นไว้ดีแบบนี้ มาถึงคิวเราก็ต้องเร่งตัวเองให้ดีขึ้น กลายเป็นแบบนั้น เหมือนแรงผลักดันกันและกันครับ ผมยังเสียดายที่ไม่ได้เล่น(555) แต่ว่าดีใจที่ได้กำกับ
นอกจากนักแสดงนำแล้ว ยังเชิญเพื่อนๆนักแสดงมาร่วมรับเชิญอีกด้วย มีใครกันบ้าง
นักแสดงรับเชิญเยอะอยู่ครับยกตัวอย่าง พี่ปู อนุวัฒน์, แป้ง อรจิรา, โยกเยก เชิญยิ้ม, พี่เกลือ เป็นต่อ, พี่นิดหน่อย จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี, จุ๊บจิ๊บ ชวนชื่น, ปิงปอง สะแกวัลย์ หรือแม้แต่ แซน พนมกร (555) และยังมีอีกหลายคนครับที่มาร่วมสร้างสีสันในเรื่องนี้
ความยากของการเป็นผู้กำกับมือใหม่
การถ่ายทำฉากยากมันมี แต่มันไม่ยากเท่ากับการควบคุมนักแสดงทั้งหมด มันยากเหลือเกิน(555) บางคนเขามีของ เขาก็จะอยากเล่นแบบนี้ ทำไมจะต้องพูดแบบนี้ล่ะ ทำไมมันต้องเล่นแบบนี้ จำบทไม่ได้ อ้าว!จำบทไม่ได้แล้วทำไงว่ะเนี่ย ก็เอาๆเอาอย่างนี้ เราจึงคิดว่าอย่าไปตีกรอบกับมันมาก มันเป็นงานศิลปะ อย่าให้มันล้น อย่าให้มันรั่วแค่นั้นพอ ให้มันเป็นความสนุก ก็ปล่อยให้เขาเล่นกันเองบ้าง แล้วเขาก็จะตบกลับมาให้มันอยู่ในเรื่องได้ ถ้าเป็นนักแสดงใหม่อาจจะลำบากหน่อย แต่นักแสดงรุ่นนี้เขาสบายอยู่แล้วเขาทำได้
มีปัญหาหรืออุปสรรคในการถ่ายทำอะไรบ้างไหม
ก็มีบ้างนะ อย่างฉากในสนามมวย เราปิดสนามมวยราชดำเนินถ่ายกันเลย และต้องมีนักแสดงประกอบเข้าฉากเยอะมากเป็นหลายร้อยคน การคอนโทลจึงค่อนข้างลำบาก เพราะเราต้องสื่อสารกับคนหลายคน หรือฉากในบ่อนเสี่ยปู มันมีดีเทลเยอะทั้งอารมณ์ ความรู้สึกหลากหลายทั้งต้องทำเท่ ต้องตื่นเต้น นักแสดงทุกคนตั้งใจเล่นกันมากก รวมถึงทีมงานละเอียดกันมาก ใช้เวลาถ่ายทำฉากนี้กันนาน 2 วัน เพราะเป็นฉากที่มีชั้นเชิงของตัวละครแต่ละคน
รู้สึกกดดันไหมกับการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรก
ไม่กดดันเลยนะ กดดันแค่กลัวคนจะไม่ชอบ กลัวคนคิดไม่ตรงกับเราแค่นั้น ที่เหลือสนุกมาก เราอาจจะผ่านการทำงานเบื้องหลังเห็นอะไรมาเยอะเราก็เลยไม่ได้กดดันอะไร เราสนุกทุกครั้งเมื่อไปถึงกอง ได้เจอเพื่อน เจอทีมงาน เหมือนออกมาเจอเพื่อนสนุกสนานมากครับ
สิ่งที่คนดูได้รับจากการชมภาพยนตร์ของคุณ
ความบันเทิงและความสนุก อันนี้เป็นหลักแรกที่เราคิด ดูแล้วสนุก ดูแล้วหัวเราะ ตลกดี ดูแล้วสนุกดี ส่วนสาระจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จริงๆก็อยากจะบอกว่ามันคือความโลภ ไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้น กิเลสหรือตัณหามันไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นครับ