กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--KTAM
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 114 ( KTSUPB114 ) เสนอขายวันที่ 15-20 มกราคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of China , เงินฝากประจำ Akbank T.A.S , MTN ออกโดย ICBC Asia Ltd. ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน4 ( KTSIV6M4 ) เสนอขายวันนี้ ถึงวันที่ 17 มกราคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ประมาณ 70%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ธนาคารทิสโก้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70%ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้ รุ่นอายุ 1 เดือน ถึง 1 ปี อยู่ที่ระดับ 2.21– 2.25% โดยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 6 เดือน อยู่ที่ 2.23 – 2.25% ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.95 - 33.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ
ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนสนหุ้นผสมกับตราสารหนี้ บริษัทขอแนะนำ
กองทุนเปิดกรุงไทย5%ทริกเกอร์ฟันด์ 2 เสนอขายถึงวันที่ 15 มกราคม 2557 กองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้น ผสมตราสารหนี้ โดยผู้จัดการลงทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละขณะ
บริษัทจะเลิกกองทุนโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท และจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท ทั้งนี้ หากมูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10.5555 บาท ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนรวม บริษัทจะเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และหากในวันใดที่มูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท