กรุงเทพ--24 มิ.ย.--อย.
อย.ชี้แจง มติการให้เพิ่มปริมาณแคฟเฟอีนในเครื่องดื่มผสมแคฟเฟอีน เป็นมติของคณะกรรมการอาหาร มิใช่อำนาจเบ็ดเสร็จของ อย. โดย อย.เป็นเพียงฝ่ายเลขานุการฯ ที่รวบรวมข้อคิดเห็นและข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งนักวิชาการ NGO และผู้ประกอบการ
จากการเปิดเผยของ น.พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ถึงกรณีมติการให้เพิ่มปริมาณแคฟเฟอีนในเครื่องดื่มผสมแคเฟอีน จากเดิมที่กำหนดไว้ 50 มิลลิกรัมเป็น 80 มิลลิกรัมว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นมติของคณะกรรมการอาหาร ที่มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2542 โดยหลายฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จที่ อย.ดำเนินการ ทั้งนี้ อย.เป็นเพียงฝ่ายเลขานุการฯ ที่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลและข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายเสนอคณะกรรมการอาหาร ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และตัวแทนจากภาคเอกชน
สำหรับในกรณีที่วันประชุมคณะกรรมการอาหาร ได้เชิญฝ่ายผู้ประกอบการ และองค์กรเอกชน (NGO) มาเตรียมให้ความเห็นกับคณะกรรมการฯ แต่มิได้เข้าไปในที่ประชุมด้วยนั้น เนื่องจากระยะเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมา อย.ได้หาข้อมูลและข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย ทั้ง นักวิชาการ NGO และผู้ประกอบการ รวม 7 ครั้ง โดยได้รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดทุกประเด็นเสนอคณะกรรมการอาหาร เมื่อคณะกรรมการฯ ไม่ได้ขอความเห็นเพิ่มเติม จึงไม่ได้เชิญเข้าไปให้ข้อคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า อย.เคารพความคิดเห็นของ NGO และกลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคต่างๆ รวมถึงนายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่มั่นใจในการทำงานของเลขาธิการฯ และรองเลขาธิการฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย.ได้ทำงานเรื่องนี้ โดยรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นอย่างชอบธรรม ไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายใดและ อย.พร้อมที่จะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับ NGO ต่อไป โดยจะมีมาตรการรองรับจากมตินี้ เช่น ทบทวนหลักเกณฑ์และการโฆษณาเครื่องดื่มประเภทนี้ให้เคร่งครัดและรัดกุม รวมทั้งให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวแก่ผู้บริโภคให้มากที่สุด รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด--จบ--