กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
จากผลการสำรวจล่าสุดซึ่งได้รับการสนับสนุนหลักจาก ไอเอฟเอส(IFS)บริษัทผู้พัฒนา Enterprise Applicationระดับโลก พบว่ามีบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ระบบซอฟท์แวร์การวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจโดยรวมขององค์กร(Enterprise Resource Planning : ERP)
ในการศึกษาการใช้ระบบ EPR ของบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ไอเอฟเอส ได้มอบหมายให้ CSN & Associationบริษัทผู้นำในการทำวิจัยการตลาดของประเทศไทย ทำการศึกษาข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทธุรกิจยานยนต์ และชิ้นส่วนที่มีมูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท เพื่อศึกษาการใช้ระบบ ERP ในการบริหารงานและเน้นถึงสถานการณ์ที่ท้าทายต่างๆที่ได้ประสบในการดำเนินธุรกิจซึ่งก็แตกต่างกันไปตามแต่ละอุตสาหกรรม
ปัจจัยหลักของการใช้ระบบ ERPในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย คือ เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว (100 เปอร์เซ็นต์) เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน (100 เปอร์เซ็นต์) และเพื่อลดต้นทุน (100 เปอร์เซ็นต์) อย่างไรก็ตามองค์กรต่างๆยังขาดการรับรู้สภาพการณ์โดยรวมของการปฏิบัติงานในแต่ละวันแบบทันท่วงที(80 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงในงานดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้องค์กรยังมีข้อจำกัดด้านการตอบสนองและความต้องการของลูกค้า(90 เปอร์เซ็นต์)ซึ่งเป็นช่องว่างที่สำคัญในระบบการปฏิบัติงาน ปัญหาของการขาดการรับรู้สภาพการณ์แบบทันท่วงทีส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร ทำให้ระบบการสื่อสารร่วมกันเป็นไปได้ยาก และยังขาดความฉับไวในการประสานงานและการสื่อสาร
โดยรวมอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีความพึงพอใจต่อระบบ EPR เนื่องจากเป็นระบบที่ช่วยให้ธุรกิจมีระบบการจัดการทำงานที่มีคุณภาพ (86 เปอร์เซ็นต์) และยังช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผน และทำนายความต้องการของลูกค้า (84 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งเป็นหน้าที่หลักในการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตามช่องว่างในการดำเนินงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานเกิดจากการที่ธุรกิจมีแอพพลิเคชั่นในการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจมากกว่า 1 แอพพลิเคชั่น (90 เปอร์เซ็นต์)
คุณศรีดาราน อรูมูแกม รองประธาน บริษัทไอเอฟเอส ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ประสบกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของต้นทุน จึงถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจต้องกลับมาคิดทบทวนการปฏิบัติงานและการลงทุนในระบบ ERP เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นและควบคุมการดำเนินงานได้ โซลูชั่นของไอเอฟเอส สำหรับธุรกิจยานยนต์จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก ทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้ นอกจากนี้โซลูชั่นที่ดียังช่วยลดความเสี่ยงของการเรียกคืนสินค้า และช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าธุรกิจจะสามารถรักษาคุณภาพตลอดกระบวนการการผลิตได้”