หัวเว่ยเผยยอดขายปี 2556 แตะระดับ 1.29-1.30 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 11.6 พร้อมลงทุนด้าน R&D กว่า 178,000 ล้านบาท

ข่าวเทคโนโลยี Monday January 20, 2014 10:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--แฟรนคอม เอเชีย หัวเว่ยเผยยอดขายปี 2556 แตะระดับ 1.29-1.30 ล้านล้านบาทสูงกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 11.6พร้อมลงทุนด้าน R&D กว่า 178,000 ล้านบาทรองประธานฝ่ายการเงินชี้ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคต หัวเว่ย ผู้จัดหาโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำของโลก เผยผลประกอบการก่อนตรวจสอบประจำปี 2556 ยังแกร่ง ด้วยรายได้และยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา หัวเว่ยสามารถทำยอดขายรวมได้ราว 238,000-240,000 ล้านหยวน (ราว 1.29-1.30 ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าอยู่ร้อยละ 8 (หรือร้อยละ 11.6 หากคำนวณในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) โดย เคธี่ เมิ่ง รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ได้ระบุว่าบริษัทมียอดกำไรสุทธิในปี 2556 ราว 28,600-29,400 ล้านหยวน (ราว 155,000-159,000 ล้านบาท) ในขณะที่กระแสเงินสดและอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับเดิม ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ทำการปรับโครงสร้างการทำงานในบางด้านในปีที่ผ่านมา เพื่อลดความซับซ้อนด้านการบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ตลอดปี 2556 ที่ผ่านมา หัวเว่ยสามารถผลักดันการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคม กลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ หรือกลุ่มดีไวซ์ โดยสำหรับกลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคมนั้น กว่าร้อยละ 75 ของรายได้มาจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับ 50 อันดับแรกของโลก ส่วนอัตราส่วนรายได้จากบริการและผลิตภัณฑ์ประเภทซอฟท์แวร์ก็เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 37 ในปี 2556 ในขณะที่กลุ่มธุรกิจดีไวซ์และเอนเตอร์ไพรส์นั้นก็มียอดขายที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของหัวเว่ยท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่ร้อนแรงในอุตสาหกรรมไอซีทีโลกเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสนับสนุนการคิดค้นเทคโนโลยีและเทคนิคด้านวิศวกรรมแบบใหม่ขึ้น ในรูปแบบที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้า “ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ลงทุนในด้านงานวิจัยและพัฒนาที่อัตราส่วนอย่างต่ำร้อยละ 10 ของรายได้ในแต่ละปี” เคธี่ เมิ่ง กล่าว “ส่วนในปี 2556 ที่ผ่านมานี้ บริษัทก็ลงทุนในด้านดังกล่าวไปเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 33,000 ล้านหยวน (ราว 178,000 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของยอดขายรวม” ทั้งนี้ ปี 2556 ถือเป็นปีแรกที่หัวเว่ยได้ลงทุนในด้าน R&D เกินกว่า 1.77 แสนล้านบาท การปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน และการลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารภายในและการทำงานทั่วไป ทำให้หัวเว่ยยังคงสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างภายในของกระบวนการต่างๆ ในหลายด้าน เช่นผังโครงสร้างผู้บริหารระดับสูง โครงการใหม่ๆ ที่ช่วยสร้างแรงผลักดันในการทำงานของพนักงาน การปรับเปลี่ยนให้ผู้บริหารในระดับล่างมีบทบาทและความรับผิดชอบกว้างขวางขึ้น และการพัฒนาศักยภาพของทีมงานภาคสนามให้สามารถทำการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้โครงสร้างการทำงานของหัวเว่ยหันมามุ่งเน้นงานในแต่ละโครงการมากขึ้น เมื่อรวมกับงบลงทุนด้าน R&D ที่สูงขึ้นแล้ว บริษัทจึงมีศักยภาพโดยรวมที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการบริหารและการทำงานทั่วไป จากปี 2547 ถึง 2556 หัวเว่ยได้ลงทุนในด้าน R&D และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมแล้วทั้งสิ้น 153,900 ล้านหยวน (ราว 832,000 ล้านบาท) ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี 4G LTE หัวเว่ยก็ได้คว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ มาครองอย่างมากมาย เป็นเครื่องการันตีถึงการประยุกต์ใช้นวัตกรรมใหม่อย่างสร้างสรรค์ และศักยภาพของบริษัทในการพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมเพื่อการพาณิชย์ในระดับโลก นอกจากนี้ หัวเว่ยยังเป็นผู้บุกเบิกในด้านเทคโนโลยี 5G โดยบริษัทมีแผนที่จะลงทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 19,600 ล้านบาท) ภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้านี้ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระดับ 5G ส่วนผลิตภัณฑ์คอร์เราเตอร์ 400G ของบริษัทก็ยังถือว่ามีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมที่จะให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่ยอดเขาเอฟเวอเรสต์ จุดเหนือสุดของโลกที่ประเทศนอร์เวย์ หรือแม้แต่กลางป่าอเมซอน พนักงานของหัวเว่ยทั้ง 150,000 คนในกว่า 140 ประเทศ ปฏิบัติงานโดยมุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ และความใส่ใจในด้านี้ก็ทำให้ลูกค้าจำนวนมากเลือกที่จะให้ความไว้วางใจกับเรา” รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการเงินของหัวเว่ยกล่าวเสริม “นอกจากนี้ หัวเว่ยยังยึดมั่นในการทำงานอย่างเปิดเผยและโปร่งใส การร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด และการทำงานเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในทุกขั้นตอน และเราก็พยายามอยู่เสมอที่จะสร้างสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แบ่งปันทรัพยากร กระจายความเสี่ยง และประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ในขณะที่ลูกค้าของเราก็จะได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงและเพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่มากมาย” เนื่องจากบริษัทมีนโยบายที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในอุตสาหกรรมไอซีที หัวเว่ยจึงได้คัดเลือกซัพพลายเออร์กว่า 389 รายทั่วโลก โดยใช้ผลงานและระบบการจัดการซัพพลายเออร์เป็นที่ตั้ง ในปี 2556 บริษัทได้ทำการชำระเงินล่วงหน้าให้กับเครือข่ายซัพพลายเออร์ทั่วโลกนี้ราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32,700 ล้านบาท) “โลกดิจิตอลกำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นทุกวัน และในช่วงสิบปีข้างหน้านี้ เราทุกคนต่างก็จะหันมาใช้เวลามากขึ้นกับแอพพลิเคชั่นและบริการทางเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ซึ่งก็จะส่งผลให้ตลาดมีความต้องการบริการด้านข้อมูลมากขึ้น และผู้ประกอบการหลายฝ่ายก็จะต้องเร่งพัฒนาระบบเครือข่ายและดีไวซ์ใหม่ๆ ขึ้นมาตอบสนองความต้องการตรงนี้ ในปี 2557 นี้ เราก็ได้วางแผนงานทางธุรกิจและนวัตกรรมเอาไว้แล้ว และยังจะเดินหน้าปรับโครงสร้างการบริหารงานเพื่อลดความซับซ้อนลง และเสริมศักยภาพในการเติบโตระยะยาวตลอดช่วงสิบปีข้างหน้า” เคธี่ เมิ่ง กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ