กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หลังจากโครงการประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปี 2545 ได้สร้างกระแสความตืนตัวให้คณะกรรมการเร่งพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการแล้ว สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เตรียมยกย่องคณะกรรมการที่มีคุณภาพอีกครั้ง พร้อมประกาศเกียรติคุณให้เป็น “คณะกรรมการแห่งปี 2547” หรือ “Board of the Year Awards 2004”
นายชวลิต ธนะชานันท์ ประธานกรรมการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และประธานคณะกรรมการโครงการประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปี เผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 6 หน่วยงาน จะจัดให้มีการประกาศเกียรติคุณ “คณะกรรมการแห่งปี 2547” หรือ “Board of the Year Awards 2004” ขึ้น เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและส่งเสริมคณะกรรมการที่มีคุณภาพ
“โครงการประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปี 2547 (Board of the Year Awards 2004) จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ได้ร่วมกันจัดให้มีการประกาศเกียรติคุณ “คณะกรรมการแห่งปี” ขึ้น เพื่อที่จะยกย่องเชิดชูคณะกรรมการของบริษัท เพื่อให้มีการเห็นความสำคัญของคณะกรรมการบริษัท รวมทั้ง ยกย่องและให้กำลังใจแก่คณะกรรมการของบริษัทที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิผลด้วย” ประธานคณะกรรมการโครงการฯ กล่าว
ดร. สวราช สัจจมาร์ค รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรหนึ่งที่ร่วมจัดการประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้กล่าวว่า “หัวใจสำคัญของการสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ก็คือ การกำกับดูแลกิจการที่ดี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการเฉพาะกิจการขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ขยายวงไปสู่ธุรกิจขนาดกลางและเล็กทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาคด้วย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับกิจการเหล่านี้ ในการเติบโตไปสู่บริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งก็อาจจะหมายรวมถึงความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตอย่างเข้มแข้งด้วย แม้ว่าโครงการประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปี จะคัดเลือกจากคณะกรรมการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นโครงการตัวอย่างที่ดีให้เจ้าของกิจการหันมาให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี”
นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ให้ความเห็นว่า “สมาคมธนาคารไทยส่งเสริมให้สมาชิกเห็นถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการ ไม่เพียงแต่สถาบันการเงินเองที่จะต้องพัฒนาการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการ แต่สถาบันการเงินยังต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้สนับสนุนให้กิจการอื่น ๆ เห็นถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดีด้วย โดยสมาคมฯ ได้รณรงค์ให้สมาชิกนำเอาเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาให้การสนับสนุนทางการเงิน ดังนั้นการส่งเสริมให้คณะกรรมการมีการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีจึงเป็นเสมือนเกราะป้องกันความเสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง”
ศ.ดร. ปกรณ์ อดุลพันธุ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) เปิดเผยว่า “ส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มาจากการดำเนินธุกิจโดยต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะจะช่วยสร้างการยอมรับและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจนั้น คณะกรรมการเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายในเรื่องดังกล่าว ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย ดังนั้นนอกจากการประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปีจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการทีดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง ”
ในขณะที่ คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียน ได้ย้ำถึงคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนว่า “ภาพลักษณ์ของบริษัทจดทะเบียนเป็นเสมือนหน้าตาของประเทศ ซึ่งมีผลต่อการดึงดูดให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุน ภาพลักษณ์ที่ดีจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ทางด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งก็คือ คณะกรรมการของบริษัท ต้องเป็นผู้ริเริ่มและสื่อสารให้ทุกระดับในองค์กรปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การยกย่องคณะกรรมการที่มีคุณภาพ จึงเป็นแนวคิดที่ดีที่จะช่วยปลุกเร้าให้ผู้นำของทุกบริษัทอยากที่จะปฏิบัติตาม”
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการสนับสนุนการจัดโครงการประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปีว่า “ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน เพราะเชื่อว่าการจะทำให้ตลาดหลักทรัพย์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้พยายามรณรงค์และทุ่มกับเรื่องการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการมาอย่างต่อเนื่อง นับจากการจัดทำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 15 ข้อ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนได้นำไปปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ในขณะเดียวกันก็มีการจัดตั้ง CG Center เพื่อคอยรับฟังและเสนอแนะการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นว่า การกำกับดูแลกิจการควรจะเกิดขึ้นจากความสมัครใจมากกว่าการถูกบังคับ จึงสนับสนุนและให้กำลังใจเพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้องมากกว่าการควบคุมโดยกฎระเบียบ ดังนั้นโครงการประกาศเกียรติคุณ “คณะกรรมการแห่งปี” หรือ “Board of the Year Award” จึงเป็นโครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อว่า จะช่วยยกย่องและให้กำลังใจแก่ผู้ที่ปฏิบัติดีอยู่แล้วให้ทำดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และเป็นตัวอย่างให้กับผู้ที่กำลังพยายามปรับปรุง มีแนวทางที่จะนำไปใช้ได้”
นายชาญชัย จารุวัสตร์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เปิดเผยถึงรายละเอียดและหลักเกณฑ์ของการพิจารณาให้รางวัลคณะกรรมการแห่งปีว่า การประกาศเกียรติคุณคณะกรรมการแห่งปี 2547 จะเป็นการยกย่องกรรมการที่มีผลงานดีเด่นในปีที่ผ่านมา คือ ปี 2547 โดยแบ่งประเภทรางวัลออกเป็น 1. คณะกรรมการดีเด่นแห่งปี 2. คณะกรรมการดีเด่นตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ อุตสาหกรรมและการผลิต สถาบันการเงิน การค้าและบริการ 3. คณะกรรมการดีเด่นตามผลงานดีเด่นเฉพาะเรื่อง โดยจะมีการคัดเลือกคณะกรรมการบริษัทที่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้น โดยพิจารณาจากรายชื่อบริษัทที่อยู่ใน Top Quartile ของรายงาน Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2005 โดยพิจารณาจากผลการประเมินภาพรวมประกอบด้วยผลการประเมินในหัวข้อ Board Responsibilities
หลังจากนั้น คณะอนุกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ จะไปเยี่ยมชมบริษัทและเข้าสัมภาษณ์คณะกรรมการของบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณา โดยจะให้คะแนนใน 6 หัวข้อหลัก ได้แก่ นโยบายของคณะกรรมการ โครงสร้างของคณะกรรมการ แนวปฏิบัติของคณะกรรมการ ความสัมพันธ์กับภายในและภายนอก การจัดเตรียมและการดำเนินการประชุม และภาวะผู้นำของคณะกรรมการ รวมระยะเวลาในการดำเนินโครงการประมาณ 6 เดือน ก่อนที่จะประกาศผลการตัดสินในเดือนพฤศจิกายน 2548”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายวิจัยและนโยบาย
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
วีรวรรณ มันนาภินันท์ 0-2264-0870 ต่อ 300--จบ--