กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
เนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปี "วันเยาวชนแห่งชาติ" ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) พร้อมด้วยหน่วยต่าง ๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร รวมทั้งภาคเอกชน ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีความกระตือรือร้น ที่จะพัฒนาตนเอง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจิตสำนึกในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนสังคมและประเทศชาติ
สำหรับการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติในปีนี้ คณะกรรมการจัดงาน ฯ ได้กำหนดให้มีกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศภายใต้แนวคิด "รวมพลังเยาวชน…เพื่อพัฒนาท้องถิ่น" โดยขอให้เยาวชนพร้อมใจกัน ใส่เสื้อสีส้มหรือสีแสด เป็นสัญลักษณ์พร้อมกันทั่วประเทศเนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของการรวมพลัง ซึ่งสอดคล้องกับคำขวัญวันเยาวชนแห่งชาติที่ว่า "ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ" ที่ใช้มาอย่าง ต่อเนื่องถึง๒๐ ปี โดยในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ ๒ ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องมาจากคำประกาศขององค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ เป็น ปีเยาวชนสากล คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ วันที่ ๒๐ กันยายนของทุกปีเป็นวัน "วันเยาวชนแห่งชาติ" โดยถือว่า เป็นวันที่เป็นสิริมงคลอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์แห่งจักรีวงศ์ ถึงสองพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติขณะยังทรงพระเยาว์ เรามีวันเด็กแห่งชาติโดยถือวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมของทุกปี แต่ที่มุ่งเป็นเยาวชนโดยเริ่ม ในปีเยาวชนสากลนั้น เนื่องจากความหมายสากลของเยาวชน หมายถึงคนในวัยหนุ่มสาว คือ ผู้มีอายุระหว่าง ๑๕ - ๒๕ ปี ในขณะที่เด็กมักจะหมายถึงผู้มีอายุต่ำกว่า ๑๔ ปี เยาวชนของชาติจะได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน และพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้น เยาวชนซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ควรได้ตระหนักว่า เยาวชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบในการ พัฒนาชาติให้มีความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ซึ่งเยาวชนสามารถกระทำได้โดยการพัฒนาตนเองให้เป็น ผู้มีค่านิยมที่ถูกต้อง อาทิ นิยมใช้สินค้าไทย ภูมิใจและหวงแหนปรารถนาที่จะอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย รู้จักประหยัดและมีวินัยรวมทั้งพร้อมที่จะบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและชาติ ตลอดจนยึดมั่น การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่การพัฒนาไปตามลำพังนั้น เป็นการพัฒนาเพียงส่วนเดียวย่อมได้ประโยชน์ไม่สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เยาวชนทุกคนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมในทุกรูปแบบด้วยจึงจะสามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม อีกสถาบันหนึ่งที่มีความสำคัญมากเช่นกัน ได้แก่ สถาบันครอบครัว ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครอง มีความเข้าใจ เอาใจใส่ทะนุถนอมให้ความรักและความอบอุ่นแก่เยาวชนที่อยู่ในความปกครองอย่าง ถูกต้องแล้วก็จะสามารถช่วยให้เยาวชนเป็นบุคคลที่มีคุณภาพและคุณธรรมได้อย่างแน่นอน
(ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ฉบับประจำวันที่ ๑๖ ก.ย. ๔๘ และหนังสือวันสำคัญ โครงการปีรณรงค์วัฒนธรรมไทยและแนวทางในการจัดกิจกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ)
--จบ--