กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยเผยตลาดบ้านมือสองช่วงปีที่ผ่านมาโต 10-15% ห่วงปัญหาการเมืองกระทบการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ย้ำลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ หากปัญหายืดเยื้อมั่นใจฉุดธุรกิจในช่วงไตรมาส 1-2 เตือนนายหน้าปรับกลยุทธ์ทำงานหนักเพราะตลาดแข่งขันรุนแรง ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมการซื้อ-ขายบ้านมือสองปีละ 25% หรือ 7-8 หมื่นหน่วยจากสินค้าในตลาด 3-3.5 แสนหน่วย
นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ของตลาดบ้านมือสองว่า ในรอบปี 2556 ที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองมีอัตราการเติบโต 10-15 % แต่ในช่วงปลายปีนั้นตลาดได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองบ้างเล็กน้อย เนื่องจากประชาชนไม่มั่นใจสถานการณ์การเมือง จึงชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ผู้ซื้อบ้านบางรายตกลงราคากันไว้แล้วแต่ไม่ตัดสินใจซื้อเพราะต้องการดูทิศทางของบ้านเมืองไปก่อน สำหรับแนวโน้มของตลาดในช่วงปี 2557 นั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาการเมืองว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางใด หากสถานการณ์ยืดเยื้อเชื่อว่าจะส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการบริโภค และหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศ
“เมื่อเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย คาดว่าปัญหาทางการเมืองน่าจะทำให้ตลาดบ้านมือสองในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ไม่ดีเหมือนกับปีที่ผ่านมา ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจบ้านมือสองจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าสถานการณ์ปกติ เนื่องจากหากเปรียบเทียบจำนวนบ้านมือสองในตลาดและความต้องการซื้อนั้นยังมีความแตกต่างกันสูงมาก เพราะในตลาดมีสินค้าประมาณ 300,000-350,000 หน่วย แต่มีความต้องการซื้อประมาณ 25 % หรือประมาณ 70,000-80,000 หน่วยต่อปี” นายแพทย์สมศักดิ์กล่าว และเปิดเผยเพิ่มเติมถึงการแข่งขันของตลาดว่า ตลาดบ้านมือสองแข่งขันดุเดือดไม่แพ้อสังหาริมทรัพย์ใหม่ นอกจากบ้านประเภทต่าง ๆ ที่ประกาศขายแล้ว ยังมีทรัพย์จากกรมบังคับคดีและจากสถานบันการเงิน ในขณะเดียวกันในตลาดมีนายหน้าทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจำนวนมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่เข้ามาทำง่ายไม่มีกฎหมายควบคุมเหมือนกับธุรกิจอื่น และในอนาคตจะมีนายหน้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนมาร่วมวงแข่งขันอีก ทั้งนี้ ปัจจุบันนี้มีนายหน้าต่างชาติเข้ามาทำงานในเมืองไทย โดยเฉพาะย่านถนนสุขุมวิทและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ หัวหินฯลฯ
“เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีพระราชบัญญัตินายหน้าอสังหาริมทรัพย์ประกาศใช้ สมาคมนายหน้าฯ จึงต้องมีบทบาทในการควบคุมการทำงานของสมาชิก ที่เป็นองค์กรให้ปฏิบัติงานภายใต้จรรยาบรรณ และเป็นองค์กรทำหน้าที่เพิ่มศักยภาพให้นายหน้ามีความรู้และความสามารถในการให้บริการลูกค้า ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยปกป้องผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายให้ได้รับความเป็นธรรม และเป็นองค์กรที่ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้หากได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมของสมาชิกในการทำงาน และร่วมกันสร้างสรรค์องค์กรให้เป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน เนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 1 ปีข้างหน้า สมาคมฯ เล็งเห็นว่าถ้านายหน้าอสังหาริมทรัพย์มีพระราชบัญญัติออกมาดูแลและควบคุม จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณบ้านมือสองที่จะขายผ่านนายหน้าฯมีมากขึ้น และเชื่อว่าจะกระตุ้นให้เจ้าของทรัพย์สินที่ทิ้งไว้อย่างเปล่าประโยชน์ถูกนำมาขาย ซึ่งจะช่วยลดแหล่งเสื่อมโทรมซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาอาชญากรรม ที่สำคัญจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจโดยรวม นอกจากนี้สมาคมฯ มีความพยายามจะเรียกร้องให้ภาครัฐมีมาตรการถาวรในการสนับสนุนบ้านมือสองไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี หรือเรื่องค่าธรรมเนียมการโอน เพื่อทำให้เกิดการซื้อขายบ้านมือสองและช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น” นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยกล่าว