ประเสริฐ ดึงผู้ปกครอง ร่วมพัฒนามหาวิทยาลัยฯ

ข่าวทั่วไป Wednesday January 29, 2014 09:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ได้จัดเชิญผู้ปกครองมาร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน เพื่อให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา การดูแลนักศึกษา การใช้ชีวิตของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และการจัดการบริหารของมหาวิทยาลัยฯ โดยมหาวิทยาลัยอยากจะได้แนวคิด แนวตระหนักในการบริหารจัดการทั้งภายในและภายนอกของมหาวิทยาลัย บัณฑิตจบไปนอกจากทำงานเป็นหรือเราเรียกว่าบัณฑิตมือเปื้อนออกไปมันไม่เพียงพอต่อการที่จะไปต่อสู้ต่อสังคมภายนอก บัณฑิตต้องคิดเป็น แก้ไขปัญหาเป็นอยู่ร่วมกับสังคมที่หลากหลายได้ แนวการจัดการบ้านราชมงคลธัญบุรีแห่งนี้เปรียบเป็นหลังคา 2 ชั้น ภายใต้ 3 เสาหลัก เสาแรกอยากจะให้ลูกหลานท่านเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติแบบมืออาชีพ เสาที่ 2 อยากให้บัณฑิตเป็นผู้ที่สร้างงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ได้ เสาที่ 3 อยากจะเห็นบัณฑิตสามารถที่จะสื่อสารได้หลายภาษา มากกว่าภาษาอังกฤษ ภายใต้หลังคา 2 ชั้น ชั้นแรกเมื่อสามเสาหลักแข็งแรงแล้ว หลังคาหลังแรกก็จะเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติแบบมืออาชีพ นั่นหมายความว่าทำงานเป็น คิดเป็น แก้ปัญหาได้ ส่วนหลังคาที่สองที่คลุมบ้านราชมงคลธัญบุรีคือ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งความสุข ทุกคนอยู่ในนี้ต้องมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาและบุคลากรต้องมีความสุข เราเชื่อว่าความสุขของคนที่อยู่ในร่มเงาหลังคาใบใหญ่ของบ้านราชมงคลธัญบุรีนั้น จะทำให้เกิดความสำเร็จของเสาทั้ง 3 ต้น ทุกวันนี้ทางมหาวิทยาลัยฯ ปฏิรูปการบริหารการจัดการด้วยฐาน 2 ชั้น ฐานชั้นแรกเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่ว่าต้องเปลี่ยนแปลงเฉพาะผู้บริหาร ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างของตัวนักศึกษาด้วย หรือถ้าสะท้อนไปไกลอาจจะรวมถึงผู้ปกครองด้วย วัฒนธรรมของผู้ปกครองที่จะส่งลูกเข้ามาศึกษา แล้วมารับลูกอีกทีตอนรับปริญญาจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย ผู้ปกครองต้องมาคุยกันบ่อยๆ ครั้งหรือสิ่งใดที่แสดงความล่อแหลมของบุตรหลานท่านผู้ปกครองต้องสะท้อนกลับมา ตนเองเชื่อว่าพื้นที่เป็นวัฒนธรรมระหว่างมหาวิทยาลัยและผู้ปกครองต้องร่วมกันสร้างทั้งภายในมหาวิทยาลัยและภายนอกมหาวิทยาลัยฯ เทคโนโลยีเปลี่ยนไป พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไปมหาวิทยาลัยฯ มหาวิทยาลัยอยากได้แนวความคิดความร่วมมือของผู้ปกครองเป็นในสิ่งที่มหาวิทยาลัยตระหนักถึงว่า เราจะพัฒนาบัณฑิตให้มีความรู้อย่างเดียว มันอยู่ทนกับแรงเสียดสีกับแรงสังคมภายนอกไม่ได้ แต่ถ้าให้บัณฑิตได้มีความรู้และมีความคิดในเชิงระบบแก้ไขปัญหาได้ในเชิงระบบแล้วก็มองปัญหาได้ แก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว ตรงนี้ที่จะทำให้บัณฑิตลูกหลานท่านนั้นสามารถจะยืนหยัดต่อการทำงานได้ มหาวิทยาลัยไม่ได้คาดหวังว่าเพียงบัณฑิตมีงานทำแค่ 70-85% แต่ตอนนี้มองถึงการยกระดับการบริหารการจัดการให้ลูกหลานหรือบัณฑิตเรามีงานทำก่อนจบ มีเงินเดือนที่สูงกว่าวุฒิแล้วก็ไม่ได้ทำงานในประเทศไทยจะมีส่วนหนึ่งที่ทำงานในประเทศเพื่อนบ้านหรือในอาเซียนที่จะเกิดขึ้นมา ตรงนี้ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งวัฒนธรรมและการบริหารการจัดการที่เอื้อต่อการผลักดัน วันนี้ความรู้อย่างเดียวไม่สามารถสร้างอาชีพ ไม่สามารถอยู่คนเดียวในสังคมโลก ลูกหลานหรือลูกศิษย์เรานอกจากจะมีความรู้ที่ดีแล้ว จำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ เป็นผู้ที่สู้งานอดทนและตรงต่อเวลา เชื่อว่า คนเก่งหรือคนปานกลางมีจิตสาธารณะเอื้ออาทรต่อคนอื่นแล้ว ไม่นานเขาสามารถชนะเพื่อนร่วมงานหรือชนะงานได้ มหาวิทยาลัยแห่งความสุขคืออะไร มหาวิทยาลัยแห่งนี้จำเป็นที่จะให้ลูกศิษย์เราหรือลูกหลานท่านอยู่ในอ้อมกอดเราหรืออยู่ในมหาวิทยาลัยของเรานั้นมากกว่าวันหนึ่ง 6 หรือ 8 ชั่วโมง ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้เขาอยู่กับเราตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม 12 ชั่วโมง เช้าเข้ามาเรียนหรือมาทานข้าวที่โรงอาหารด้วยราคาที่ประหยัดแล้วเข้าเรียน บ่ายอาจจะเข้าห้องสมุด เรามีห้องสมุด มีหนังสือ มีความสะดวก มีเอกสารหรือว่าจะเป็นอีบุ๊ค อีเลิร์นนิ่ง เต็มไปหมดที่จะให้เขาใช้ฟรี ทุกพื้นที่มีสัญญาณไวฟายฟรี เพราะฉะนั้นทุกคนที่จะเข้ามาอยู่ในนี้ต้องมีความสุข ความสุขมันก่อเกิดให้เกิดความสำเร็จ ความสุขมันก่อเกิดให้เกิดให้คนเป็นคนดี ความสุขมันก่อเกิดให้เกิดคนที่มีความคิดมีสติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีจะพยายามส่งเสริมและสนับสนุนในการศึกษาทุกด้าน และก็จะส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกหลานท่านเป็นคนเก่งและเป็นคนดีของสังคมชาติในอนาคต ความคาดหวังของคนเป็นพ่อแม่สูงมากที่ส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาที่นี้ แต่ผู้ปกครองอย่าลืมว่า มหาวิทยาลัยฯมีโอกาสดูแลลูกท่าน 4-5 ปี แต่ท่านต้องดูลูกท่านด้วย มหาวิทยาลัยกับผู้ปกครองจับมือกันสร้างทุนมนุษย์ของประเทศ อย่าให้เป็นภาระมหาวิทยาลัยอย่างเดียว มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะนักศึกษาทุกชีวิตคือลูกผม ผมดูแลลูกผมยังไงผมก็ต้องดูแลลูกศิษย์เช่นเดียวกัน จะให้เป็นคนดี ให้เป็นคนที่มีสุขภาพดี สุขภาพจิตดี ความสำเร็จของมหาวิทยาลัยก็คือความสำเร็จของบัณฑิตและศิษย์เก่าที่ สุดท้ายความสำเร็จของลูกของเราที่ดีนั้น ท่านอย่าลืมยาเม็ดสุดท้ายนะครับ อ้อมกอดคุณพ่อคุณแม่เป็นยาที่ดีที่สุดครับ รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวทิ้งท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ