เอสซีจีแถลงผลประกอบการปี 2556 เดินหน้าลงทุนในอาเซียน พร้อมทุ่มทุนพัฒนา R&D ต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 31, 2014 12:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--เอสซีจี เอสซีจีเผยผลประกอบการปี 2556 มีรายได้จากการขายและกำไรเพิ่มขึ้น เดินหน้าขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง เพิ่มงบวิจัยและพัฒนากว่า 4,000 ล้านบาท มุ่งเน้นพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม (HVA) และ SCG eco value เผยอาคารเอสซีจี 100 ปีได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประเภทอาคารสร้างใหม่ ระดับสูงสุด LEED Platinum พร้อมเสนอจ่ายปันผลงวดสุดท้ายอีก 7 บาทต่อหุ้น นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบ ของเอสซีจี ประจำปี 2556 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 434,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของทุกธุรกิจ และมีกำไร 36,719 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 จากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 104,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการเติบโตของธุรกิจหลัก แต่ลดลงร้อยละ 8 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานของมาบตาพุด โอเลฟินส์ และปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีกำไร 8,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แต่ลดลงร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานของมาบตาพุด โอเลฟินส์ สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในปี 2556 มีรายได้จาก การขาย 38,929 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อน เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการในอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยการซื้อกิจการกระเบื้องเซรามิกในเวียดนาม หรือ Prime Group ส่งผลให้เอสซีจีมีกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิกสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปัจจุบัน เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียน มูลค่า 71,844 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 16 ของสินทรัพย์รวมของบริษัทสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 มีมูลค่า 440,633 ล้านบาท ผลการดำเนินงานประจำปี 2556 แยกตามส่วนงานธุรกิจดังนี้ เอสซีจี ซิเมนต์ - ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง : ในปี 2556 เอสซีจี ซิเมนต์ - ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 174,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น มีกำไร 16,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปีก่อน เอสซีจี เคมิคอลส์ : ในปี 2556 เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 209,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3 จากปีก่อน มีกำไร 11,292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 320 จากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเคมีภัณฑ์ เอสซีจี เปเปอร์ : ในปี 2556 เอสซีจี เปเปอร์ มีรายได้จากการขาย 59,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของสายธุรกิจกระดาษอุตสาหกรรมและบรรจุภัณฑ์ มีกำไร 3,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของสายธุรกิจกระดาษอุตสาหกรรมและบรรจุภัณฑ์ แต่ความต้องการสินค้าในสายธุรกิจเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียนลดลง “เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน เอสซีจียังเดินหน้ากลยุทธ์หลักคือ ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน อาทิ โครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกของเอสซีจีในอินโดนีเซียและเมียนมาร์ รวมทั้งโครงการขยายกำลังผลิตปูนซีเมนต์ที่กัมพูชา ทุกโครงการดำเนินการได้ตามแผนงาน ส่วนการลงทุนโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม มีความคืบหน้าด้วยดี โดยได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว และคาดว่าจะได้ข้อสรุปทางการเงินประมาณปลายปีนี้ รวมทั้งยังมีโครงการอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง โดยเอสซีจียังคงเชื่อมั่นในการเติบโตของอาเซียนในระยะยาว นอกจากนี้ เอสซีจียังมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 ได้จัดเตรียมงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) กว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อสร้างสรรค์สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในปี 2556 ที่ผ่านมา เอสซีจีใช้งบประมาณ R&D 2,068 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้สินค้าในกลุ่ม HVA มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 35 ของยอดขายรวมปี 2556 ขณะที่สินค้า SCG eco value มียอดขายร้อยละ 26 ของยอดขายรวม” นายกานต์ กล่าว เอสซีจี ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายมุ่งสู่การเป็น Green Business ล่าสุด เอสซีจีได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประเภทอาคารสร้างใหม่ (The Leadership in Energy and Environmental Design for Building Design and Construction: LEED BDC) ระดับสูงสุด LEED Platinum สำหรับอาคารเอสซีจี 100 ปี จากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council: USGBC) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่มีความเข้มข้นและเป็นที่ยอมรับระดับโลก เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของเอสซีจี คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ออกและเสนอหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2557(SCC184A) จำนวนไม่เกิน 15,000 ล้านบาท อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยตามราคาตลาดในขณะที่ออก โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ จะนำไปไถ่ถอนหุ้นกู้ SCC144A จำนวน 10,000 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 1 เมษายน 2557 และออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยเสนอขายให้กับ (1) ผู้ถือหุ้นกู้ (SCC144A) ที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป (2) ผู้ถือหุ้นกู้ SCC ชุดอื่น ๆ ที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป และ (3) นักลงทุนที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ตามรายละเอียดที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของเอสซีจีเมื่อรวมหุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออกแล้ว จะมีวงเงินหุ้นกู้ที่ออกรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 146,500 ล้านบาท อนึ่ง จากฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานปี 2556 คณะกรรมการบริษัทฯ จึงเห็นควรเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 26 มีนาคม 2557 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 7 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 3 เมษายน 2557 ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 4 เมษายน 2557 และกำหนดจ่ายเงินปันผลประจำปี 2556 งวดสุดท้าย ในวันที่ 24 เมษายน 2557 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 และได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของบริษัทอีกอัตราหุ้นละ 3 บาท เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ