สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 3, 2014 10:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,243 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,246 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 33.00 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,400 บาท กับ 19,500 บาท และกลับมาปิดที่ 19,350 บาท กับ 19,450 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,205 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 6,829 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.8% แบบ 10 บาทเพิ่มขึ้น 0.9 % GFG14 ปิด 19,610 บาท และ GFJ13 ปิด 19,740 บาท GF10G13 ปิดที่ 19,610 บาท GF10J13 ปิดที่ 19,750 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 2.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,239.8 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 0.6 เซ็นต์ ปิดที่ 19.12 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 793.16 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 74 เซ็นต์ ปิดที่ 97.49 ดอลลาร์/ออนซ์ ดาวโจนส์ปิดลดลง 149.76 จุด ปิดที่15,698.85 จุด ข่าวที่สำคัญ ทองคำปิดปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ เพราะได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไร และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงความผันผวนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ และการร่วงลงของหุ้นหลัก ทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบๆจาการที่ได้รับอิทธิพลจากตลาดจีนที่ยังคงอยู่ในเทศกาลวันหยุดตรุษจีนส่งผลตลาดค่อนข้างเงียบเหงาและแรงกำลังซื้อเบาบาง รายงานคิทโก้ระบุว่า นักวิเคราะห์ยังคงเฝ้าจับตาดูการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและทองคำในเวลานี้ว่าจะเป็นไปในทิศทางอย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเกิดใหม่ที่มีท่าทีอยู่ในแดนลบที่ในเวลานี้เริ่มต้นปี ตลาดหุ้นนิเคอิปรับตัวลง 8.5% ฮั่งเซ็งลดลง 5.5% และร่วมถึง S&P 500 ที่ลดลงเกือบ 3 % สำหรับเดือนแรกของปี เอ็ดเวริ์ด แมร์ นักวิเคราะห์จาก INTC FC Stone กล่าวว่า ตลาดทองคำนั้นได้รับอิทธิพลจากการที่ตลาดหุ้นส่วนมากนั้นอ่อนกำลังลงก็จะยังส่งผลบวกให้ตลาดทองคำเป็นบวกจากเม็ดเงินที่ถูกโยกย้ายอย่างไรก็ตามสิ่งที่กดดันให้กับทองคำเป็นอย่างยิ่งคือค่าเงินดอลลาร์ที่มีโอกาสสูงมากว่าจะแข็งค่าขึ้นต้านค่าเงินสกุลหลักอื่นๆอย่างมาก ทองคำประเภทเหรียญและแท่งเล็กของ American Eagle มียอดขายลดลง40% สำหรับเดือนมกราคมเนื่องจากความผันผวนของราคาในตลาดนักสะสมจึงลดการถือครอง ยูโรสแตทยังได้เปิดเผยข้อมูลว่างงานเดือนธ.ค.ครั้งล่าสุด โดยอัตราว่างงานในยูโรโซนทรงตัวอยู่ที่ระดับ 12% เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน โดยยูโรสแตทประมาณการว่า ยูโรโซนมีคนว่างงานประมาณ 19.01 ล้านคนในเดือนธ.ค. ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นท่ามกลางสกุลเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลงจากการแสวงหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยต่อการถือครอง และในวันศุกร์มีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.3488 ยูโร/ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 1.3551 ยูโร/ดอลลาร์ ในวันก่อนหน้า หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวลดลงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์เอาไว้ การผลิตสินค้าทั่วไปของจีนปรับตัวลดลงในรอบ6เดือนสู่ระดับต่ำสำหรับเดือนมกราคมที่ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจของจีนที่รัฐบาลได้ปรับลดระบบเครดิตลงซึ่งยอดการผลิตสินค้าอยู่ที่ระดับ 53.4จุด จากเดิมอยู่ที่ระดับ 54.6 จุด และในช่วงนี้ยังคงเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนทางการค้าตลาดหุ้นและการเงินจีนปิดทำการตั้งแต่31ม.ค. - 6ก.พ. ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางผลประกอบการภาคเอกชนที่ออกมาอย่างย่ำแย่ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของตลาดเกิดใหม่ ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้ ร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะผันผวนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า รายงานภาวะการเงินประจำเดือนธันวาคม 2556 พบว่าค่าเงินบาทเมี่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 2.3% ที่ระดับ 32.86 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ประจำเดือนธันวาคม 2556 อ่อนค่าลง 1.5% ที่ระดับ 102.95 จุด เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ และการประกาศลด QE ของเฟด จึงส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรของไทย ประกอบกับปริมาณธุรกรรมค่อนข้างเบาบางในช่วงดังกล่าว ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วและอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค นักวิเคราะห์ แนะนำให้จับตาหุ้นไทยหลังเลือกตั้งหากยังมีเหตุการณ์ความรุนแรง คาดว่า อาจกดดันดัชนีหุ้นไทยหลุดระดับ 1,200 จุดได้ จึงแนะนำให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง ซึ่งระยะยาวให้รอดูก่อน แต่เริ่มเห็นสัญญาณต่างชาติซื้อมากขึ้น จึงควรทยอยซื้อเก็บ ส่วนระยะสั้นยังลงทุนและขายทำกำไรได้ แต่ควรเลือกหุ้นรายกลุ่มที่เน้นให้เงินปันผลสูง และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม ยังคงปิดทำการ เนื่องในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดสิงคโปร์ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เปิดทำการปกติในวันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวาน - Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.6% ตัวเลขจริงออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 0.4% - Chicago PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 59.1 ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 59.6 - Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 80.4 ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 81.2 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญคืนนี้ - ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 57.0 คาดการณ์ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 56.2 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำมีความผันผวนและปรับตัวลดลงในการซื้อขายเมื่อคืนวันศุกร์โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาค่อนข้างผันผวนมากทั้งขึ้นและลงสลับกันกรอบ 1,240-1,255 เหรียญ โดยในคืนวันศุกร์มีการปรับตัวแกว่งขึ้นลงรุนแรง โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยทั่วไปออกมาค่อนข้างทรงตัว ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เองแข็งค่าขึ้นหลุด 1.3500 ยูโร/ดอลลาร์ ลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 1.3430 โดยประมาณ SPDR เมื่อวันศุกร์ก็ไม่ได้ทำอะไร ยังคงถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 793.16 ตัน โดยที่ในคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ISM Manufacturing คาดว่าไม่ค่อยดีนัก วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในเชิงเทคนิคราคราค่อนข้างจะเคลื่อนตัวแบบลักษณะ Sideway Down โดยราคามีการเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับ 1,240 เหรียญถึงสองครั้ง ขณะที่กรอบด้านบนลดลงมาจากระดับ 1,275 เหรียญ ลงมาอยู่ที่ระดับ 1,260 และ 1,255 เหรียญตามลำดับ ยังวิเคราะห์ได้ว่าราคาน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ เพื่อรอความชัดเจนในตลาดจีน ซึ่งจะเปิดทำการในวันที่ 7 ก.พ. ในทางเทคนิค หากราคาลงมาหลุดระดับ 1,240 เหรียญ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 1,220 เหรียญ ในขณะที่แนวต้านด้านบนลงมาอยู่ที่ 1,255 และ 1,250 เหรียญตามลำดับ ขณะที่ค่าเงินบาทในวันนี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางการเมืองที่ไม่มีความวุ่นวาย จึงส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าลงมาที่ระดับ 32.90 บาท/ดอลลาร์ จากระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเป็นลักษณะเก็งกำไรในกรอบแคบ ซื้อขายให้ไว โดยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและปิดสถานะตามบริเวณแนวต้าน -นักลงทุนที่ถือ Long Position แนะนำให้ขายปิดสถานะ Long ทำกำไรในระยะสั้น และมี Stop Loss บริเวณ 1,235 เหรียญ -นักลงทุนที่ถือ Short Position ทำกำไรในระยะสั้นเช่นเดียวกัน Gold Futures G14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,700 บาท Gold Futures J14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,800 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ