กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยคณะนิเทศศาสตร์ สะท้อนภาพสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดจากขาดความเชื่อมั่นของประชาชนเช่นเดียวกับการบริหารองค์กร ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมเปิดใจฟังเสียงประชาชน และให้ข้อเท็จจริงรอบด้าน ไม่มุ่งทุ่มงบซื้อสื่อโฆษณาเพื่อโน้มน้าวใจเพียงอย่างเดียว จะสามารถครองใจประชาชน ได้รับความไว้วางใจและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม มั่นคงยาวนาน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. รุ่งรัตน์ ชัยสำเร็จ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นแนวทางการสื่อสารองค์กรในสถานการณ์ปัจจุบันว่า สถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบัน สะท้อนถึงการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่เกิดจากความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของรัฐบาล เช่นเดียวกับการดำเนินงานในภาคธุรกิจขององค์กรต่างๆ จะต้องระมัดระวังการดำเนินธุรกิจให้ตั้งอยู่บนความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อรักษาชื่อเสียง ความเชื่อมั่นในองค์กรที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กรในระยะยาว
ผศ.ดร. รุ่งรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ประชาชนฉลาดมากขึ้น รู้เท่าทัน และเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีช่องทางการเผยแพร่ความคิดเห็นที่เป็นอิสระ และสามารถรวมตัวแสดงพลังกันในสังคมออนไลน์ได้ ต่างจากในอดีตที่ประชาชนจะรับข้อมูลจากสื่อกระแสหลักเพียงแหล่งเดียว ทำให้ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้าน ยุคนี้เป็นยุคที่ประชาชนกระหายข้อมูลข่าวสาร และมีพลังมากขึ้น ดังนั้น องค์กรภาคธุรกิจควรปรับตัว เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน และสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงยาวนาน โดยกำหนดจุดยืนเป็นองค์กรที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ จริงใจ และเปิดเผยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ รวมทั้งรับฟังเสียงของผู้บริโภค และประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเปิดกว้าง และยอมรับความจริงโดยไม่เข้าข้างตัวเอง
ผศ.ดร. รุ่งรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้ข้อมูลที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ขาดข้อเท็จจริง เข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อ จะเป็นอันตรายต่อการดำเนินงานขององค์กร เมื่อประชาชนจับเท็จได้จะบั่นทอนความเชื่อถือในองค์กร ดังนั้น การเลือกใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ในอดีตองค์กรจะมุ่งทุ่มงบประมาณการซื้อพื้นที่โฆษณาและเวลาออกอากาศเพื่อให้ข้อมูลในแง่มุมที่องค์กรต้องการสื่อสารเพียงด้านเดียวด้วยความถี่สูง ซึ่งอาจไม่ได้ผลดีอย่างที่ต้องการในยุคปัจจุบัน เพราะประชาชนสามารถเข้าถึงสื่อและข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้นและลดความเชื่อถือในสื่อหลักอย่างสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ จากการนำเสนอข่าวสารที่ไม่เป็นกลาง และมีผลประโยชน์แอบแฝง
ดังนั้น ในฐานะที่องค์กรถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม แนะนำให้ดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล ดำเนินงานบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มุ่งหวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว จริงใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมยินดีให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนรอบด้าน ไม่เน้นให้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวใจเพียงอย่างเดียว จะช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง ยาวนาน ผศ.ดร. รุ่งรัตน์ กล่าว