กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โชว์ผลการดำเนินงานปี 56 สามารถทำกำไรสุทธิ 1,420.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 684.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 93 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 736.02 ล้านบาท
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก ช่วงต้นปี 2556 ดูดีมาก มูลค่าการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 105,568 ล้านบาทต่อวัน และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกสูงถึง 61,487 ล้านบาทต่อวัน แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง ได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องการลดนโยบาย Quantitative Easing (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ และปัจจัยทางการเมือง ทำให้ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ซบเซาลงไปในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ถึงอย่างไรภาพรวมธุรกิจของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ในปี 2556 ที่ผ่านมา ยังถือได้ว่าเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,420.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 684.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 93 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 736.02 ล้านบาท
โดยรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 1,093.49 ล้านบาท จาก 2,256.10 ล้านบาท เป็น 3,349.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.47 เนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 6,637 ล้านบาท เป็น 10,149 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจาก 32,304 ล้านบาท เป็น 50,329 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 4.02 ล้านบาท จาก 264.97 ล้านบาท เป็น 268.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.52 เนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 5,805 สัญญา เป็น 8,959 สัญญา ซึ่งยังคงเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันโดยรวมของตลาดอนุพันธ์ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 42,512 สัญญา เป็น 68,017 สัญญา
สำหรับรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 292.81 ล้านบาท จาก 343.41 ล้านบาท เป็น 636.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 85.27 เนื่องมาจากการเติบโตของตลาดทุนส่งผลให้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เฉลี่ยสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 เพิ่มขึ้นจากงวดดียวกันของปีก่อนซึ่งมียอดเงินให้กู้ยืมเฉลี่ย 6,141 ล้านบาท เป็น 11,543 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 711.20 ล้านบาท จาก 2,259.03 ล้านบาท เป็น 2,970.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.48 ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ต้นทุนทางการเงิน ซึ่งเพิ่มขึ้น 249.92 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 119.25 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่เงินวางหลักประกันของลูกค้าและเงินกู้ยืมระยะสั้น ค่าธรรมเนียมและบริการจ่าย ซึ่งเพิ่มขึ้น 67.60ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.76 และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 451.80 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.70 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์และผลตอบแทนเจ้าหน้าที่การตลาดซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้า
อีกทั้ง บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับภาษีเงินได้ โดยได้นำมาตรฐานการบัญชี เรื่องภาษีเงินได้ มาถือปฏิบัติ มีผลให้ต้องปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดว้นที่ 31 ธันวาคม 2555 ทำให้ภาษีเงินได้ลดลง และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.36 ล้านบาท ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2556 สูงกว่าผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 93
“ จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ในปี 2556 จะมีตัวเลขการเติบโตกว่า 93 % และยังรักษาความเป็นโบรกเกอร์ อันดับ 1 มาได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 12 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่เคยหยุดนิ่งหากแต่จะเร่งพัฒนาในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดีเยี่ยม ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด อันจะสร้างความเชื่อมั่นในแก่ผู้ลงทุน และรักษาแชมป์ โบรกเกอร์อันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดยาวนานอย่างต่อเนื่องต่อไป ” นายมนตรี กล่าวทิ้งท้าย